ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ และรัฐบาลสหรัฐฯ เรียกร้องให้ตุรกีหยุดยิงทันที ขณะเดียวกันได้ออกมาตรการคว่ำบาตร 2 กระทรวงของตุรกี รวมถึงเจ้าหน้าที่ระดับสูงของรัฐบาลอีก 3 คน จากกรณีการส่งกำลังทหารเข้าไปโจมตีชาวเคิร์ดในดินแดนซีเรีย
ไมค์ เพนซ์ รองประธานาธิบดีสหรัฐฯ เปิดเผยว่า ทรัมป์ได้ต่อสายถึง เรเจป ไตยิป แอร์โดอัน ประธานาธิบดีของตุรกี เมื่อวานนี้ (14 ตุลาคม) เพื่อขอให้กองทัพตุรกีหยุดยิงทันที ท่ามกลางสถานการณ์ในตะวันออกกลางที่กำลังร้อนระอุ
แถลงการณ์จากสหรัฐฯ ระบุว่า “การกระทำของรัฐบาลตุรกีเป็นอันตรายต่อพลเรือนผู้บริสุทธิ์ และสร้างความไร้เสถียรภาพให้กับภูมิภาค รวมถึงบ่อนทำลายยุทธการพิชิตกลุ่มรัฐอิสลาม (IS) ด้วย”
นอกจากกระทรวงกลาโหมและกระทรวงพลังงานที่ถูกคว่ำบาตรโดยสหรัฐฯ แล้ว ทรัมป์ยังตัดสินใจระงับการเจรจาข้อตกลงการค้ากับตุรกีมูลค่า 1 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ และสั่งขึ้นภาษีเหล็กนำเข้าจากตุรกีที่อัตราสูงสุดถึง 50%
เพนซ์เตือนว่า มาตรการคว่ำบาตรของสหรัฐฯ จะมีความต่อเนื่องและรุนแรงขึ้น หากตุรกีไม่ยอมสงบศึกหรือหยุดใช้ความรุนแรง รวมทั้งไม่ยอมตกลงเจรจาเพื่อแก้ปัญหาความขัดแย้งบริเวณชายแดนระหว่างซีเรียกับตุรกีในระยะยาว
สำหรับตัวทรัมป์มีกำหนดเดินทางไปตะวันออกกลางโดยเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพื่อรับบทคนกลางช่วยไกล่เกลี่ยปัญหาระหว่างชาวเคิร์ดกับตุรกี โดยที่ผ่านมาสหรัฐฯ ได้จับมือเป็นพันธมิตรกับกองกำลังประชาธิปไตยซีเรียที่นำโดยนักรบชาวเคิร์ดในช่วงที่ทำสงครามกับกลุ่ม IS ในซีเรีย
สถานการณ์ทวีความตึงเครียดยิ่งขึ้น หลังกองทัพซีเรียของประธานาธิบดี บาชาร์ อัล-อัสซาด ได้เคลื่อนกำลังทหารเข้าไปในพื้นที่แถบตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศ ซึ่งทำให้มีโอกาสเผชิญหน้ากับทหารตุรกีโดยตรง โดยปัจจุบันดินแดนดังกล่าวอยู่ภายใต้การปกครองของกองกำลังชาวเคิร์ดและฝ่ายกบฏซีเรียที่ต้องการโค่นล้มรัฐบาลของอัสซาด
พิสูจน์อักษร: ภาวิกา ขันติศรีสกุล
อ้างอิง: