กลายเป็นอีกหนึ่งชนวนความบาดหมางระหว่างสองประเทศมหาอำนาจของโลก เมื่อรัฐบาลสหรัฐฯ ประกาศคว่ำบาตรหน่วยงานของกองทัพจีน สืบเนื่องจากจีนซื้ออาวุธจากรัสเซีย ซึ่งเป็นประเทศที่ถูกสหรัฐฯ คว่ำบาตรก่อนหน้านี้จากกรณีแทรกแซงการเลือกตั้งในสหรัฐฯ
กระทรวงการต่างประเทศของสหรัฐฯ ระบุในแถลงการณ์ว่า “มาตรการต่างๆ ในวันนี้ไม่ได้มีจุดประสงค์เพื่อทำลายขีดความสามารถในการเตรียมพร้อมสู้รบของประเทศใดๆ แต่เพื่อตัดกำลังรัสเซียจากกรณีพยายามแทรกแซงการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ รวมถึงพฤติกรรมที่รับไม่ได้ในยูเครนและพฤติกรรมที่มุ่งร้ายอื่นๆ”
ความเคลื่อนไหวนี้มีขึ้นภายหลังจากที่ ไมค์ ปอมเปโอ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของสหรัฐฯ ได้หารือกับ สตีเวน มนูชิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง โดยบทลงโทษต่างๆ จะบังคับใช้ภายใต้กฎหมายต่อต้านปฏิปักษ์ของอเมริกาผ่านทางการคว่ำบาตร (Countering America’s Adversaries Through Sanctions Act) ซึ่งผ่านโดยสภาคองเกรสและมีบทบัญญัติให้รัฐบาลสหรัฐฯ สามารถดำเนินการคว่ำบาตรใครก็ตามที่ทำธุรกรรมกับเจ้าหน้าที่ข่าวกรองหรือทหารรัสเซีย 72 คนที่อยู่ในบัญชีดำ
ส่วนหน่วยงานทหารจีนที่ถูกแบนโดยสหรัฐฯ นั้นเป็นกรมพัฒนายุทธภัณฑ์รวมถึง อธิบดีกรมดังกล่าว โดยหน่วยงานนี้ได้ทำการจัดซื้อเครื่องบินขับไล่แบบ Su-35 และระบบป้องกันภัยทางอากาศแบบ S-400 จากรัสเซีย
อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ ไม่ได้เปิดเผยข้อมูลว่าจีนซื้อยุทโธปกรณ์จากรัสเซียเป็นเงินจำนวนเท่าใด ระบุเพียงว่าการส่งมอบอาวุธเหล่านั้นมีขึ้นในเดือนธันวาคมปีที่แล้วและเดือนมกราคมที่ผ่านมา
ทางการสหรัฐฯ ย้ำว่ามาตรการคว่ำบาตรครั้งนี้มีเป้าหมายเพื่อทำให้คนฉุกคิดอย่างรอบคอบก่อนจะทำธุรกิจกับบุคคลในบัญชีดำ
“สหรัฐฯ หวังว่าบทลงโทษนี้จะเป็นสัญญาณเตือนให้เลี่ยงการทำธุรกิจกับกลุ่มคนเหล่านั้น” เจ้าหน้าที่รัฐบาลสหรัฐฯ ระบุ
พิสูจน์อักษร: ภาสิณี เพิ่มพันธุ์พงศ์
อ้างอิง: