ปักกิ่งส่งสัญญาณชัดเจนว่าการตัดสินใจของสหรัฐฯ ที่ปลดล็อกสินค้าอิเล็กทรอนิกส์จากมาตรการภาษีตอบโต้นั้น เป็นเพียง ‘ก้าวจิ๋ว’ บนเส้นทางการเยียวยาความสัมพันธ์ทางการค้าที่บอบช้ำระหว่างสองมหาอำนาจเศรษฐกิจโลก
หลังจาก Donald Trump ประกาศยกเว้นสมาร์ทโฟน คอมพิวเตอร์ และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์อื่นๆ จากดงหนามภาษี 125% ที่เคยวางเอาไว้ กระทรวงพาณิชย์จีนก็รีบฉวยโอกาสทางการทูตนี้ส่งข้อความผ่าน WeChat แทบจะทันควันในช่วงวันอาทิตย์ที่ผ่านมา (13 เมษายน)
“นี่เป็นเพียงก้าวเล็กๆ ของสหรัฐฯ ในการแก้ไขการกระทำที่ผิดพลาดจากการใช้ ‘ภาษีตอบโต้’ ฝ่ายเดียว” กระทรวงพาณิชย์จีนระบุ
ผู้เชี่ยวชาญจาก Rand China Research Center ระบุว่า การยกเว้นครั้งนี้ครอบคลุมการนำเข้ามูลค่ามหาศาลถึง 3.9 แสนล้านดอลลาร์ โดยสินค้าจากแดนมังกรมีมูลค่าสูงถึง 1.01 แสนล้านดอลลาร์
แต่ดูเหมือนว่าจีนจะไม่พอใจแค่นี้ พวกเขาต้องการให้ Trump ‘ก้าวกระโดด’ ไปสู่การยกเลิกมาตรการทั้งหมด และหันกลับมาเจรจากันบนโต๊ะอย่าง ‘เท่าเทียม’ และ ‘เคารพซึ่งกันและกัน’
เมื่อถูกถามถึงประเด็นนี้ Trump ไม่ได้ให้รายละเอียดอะไรมากนัก แต่ทิ้งปริศนาชวนติดตามไว้ว่า ‘รอวันจันทร์’ ขณะที่เขาอยู่บน Air Force One เขายังย้ำถึงความสำเร็จของนโยบายภาษีว่า “พวกเรากำลังเก็บรายได้ภาษีเข้าประเทศจำนวนมหาศาล สหรัฐฯ กำลังได้รับเงินจากมาตรการภาษีนี้อย่างมาก”
น่าสนใจว่าการยกเว้นนี้ยังรวมถึงการเปลี่ยนแปลงในระบบพัสดุขนาดเล็กด้วย หลังจากที่ Trump พยายามยกเลิกข้อยกเว้น De Minimis ซึ่งเคยอนุญาตให้พัสดุมูลค่าไม่เกิน 800 ดอลลาร์เข้าประเทศโดยไม่เสียภาษี โดยเริ่มจากจีนเป็นประเทศแรก
แต่ถึงกระนั้น ‘สัญญาณผ่อนคลาย’ จากวอชิงตันอาจจะเป็นเพียงแค่ไออุ่นชั่วคราว เพราะบางทีสินค้าเหล่านี้อาจจะกำลังถูกจัดเตรียมไว้สำหรับรูปแบบภาษีในแบบอื่น แม้อาจจะเบากว่าอัตรา 125% ที่ขู่ไว้ก็ตาม
สินค้าที่รอดพ้นจากภาษีใหม่ของ Trump รวมถึงเครื่องจักรที่ใช้ในการผลิตเซมิคอนดักเตอร์ ซึ่งมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อ Taiwan Semiconductor Manufacturing Co. ที่เพิ่งประกาศการลงทุนครั้งใหญ่ในสหรัฐฯ รวมถึงผู้ผลิตชิปรายอื่นๆ
“ผลิตภัณฑ์ทั้งหมดที่จัดอยู่ในรายการเหล่านี้อย่างถูกต้องจะได้รับการยกเว้นจากภาษีตอบโต้” ประกาศระบุชัดเจน
มาตรการนี้ดูเหมือนจะยกเว้นผลิตภัณฑ์ดังกล่าวจากภาษีพื้นฐาน 10% ที่ใช้กับประเทศอื่นๆ รวมถึงเกาหลีใต้ ดินแดนบ้านเกิดของยักษ์ใหญ่อย่าง Samsung Electronics Co.
อย่างไรก็ตาม การผ่อนคลายมาตรการครั้งนี้ไม่ได้ครอบคลุมถึงภาษี 20% ที่ Trump ใช้กดดันปักกิ่งในประเด็นการปราบปรามยาเฟนทานิล ซึ่งเป็นยาเสพติดอันตรายที่กำลังสร้างวิกฤตในสหรัฐฯ รวมถึงการควบคุมสารตั้งต้นที่ใช้ในการผลิต ภาษีเดิมที่มีอยู่ก่อนหน้าก็ยังคงมีผลอยู่ ซึ่งแสดงให้เห็นว่า ‘สงครามการค้า’ ระหว่างสองยักษ์ใหญ่ของโลกยังคงดำเนินต่อไป เพียงแค่อาจจะเปลี่ยนรูปแบบไปเท่านั้น
อ้างอิง: