โดนัลด์ ทรัมป์ กำลังจะทำพิธีสาบานตนเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีคนที่ 47 ของสหรัฐอเมริกาในวันที่ 20 มกราคม 2025 โดยที่รัฐธรรมนูญกำหนดไว้ว่าผู้ที่ชนะการเลือกตั้งจะต้องทำพิธีสาบานตนก่อนที่จะเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีอย่างเป็นทางการ แต่พิธีการศักดิ์สิทธิ์นี้ยังมีเรื่องราวมากมายที่เกิดขึ้นในอดีต บทความนี้จะพาผู้อ่านไปดูเกร็ดน่าสนใจของรัฐพิธีนี้กัน
พิธีการจริงๆ ตามรัฐธรรมนูญนั้นสั้นมาก
พิธีสาบานตนเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีนั้นถือเป็นรัฐพิธีที่ยิ่งใหญ่ที่สุดพิธีหนึ่งของสหรัฐฯ อย่างไรก็ดี แก่นของพิธีจริงๆ ตามที่รัฐธรรมนูญกำหนดไว้นั้นสั้นมาก กล่าวคือ รัฐธรรมนูญกำหนดไว้แค่ว่าประธานาธิบดีจะต้องกล่าวคำสาบานตนว่าจะทำหน้าที่อย่างสุดความสามารถ รวมถึงจะพิทักษ์รัฐธรรมนูญอย่างถึงที่สุด
แต่ในทางปฏิบัติพิธีสาบานตนนั้นยาวนานกว่านั้นมาก โดยจะกินเวลาทั้งวัน เพื่อเป็นการเฉลิมฉลองการขึ้นดำรงตำแหน่งของผู้นำสูงสุดของรัฐคนใหม่ โดยรวมไปถึงการเดินสวนสนามและโชว์ดุริยางค์โดยฝ่ายทหาร การกล่าวสุนทรพจน์โดยประธานาธิบดี การสวดมนต์อ้อนวอนพระเจ้า การอ่านบทกวีและงานบอลในยามค่ำคืน โดยที่พิธีสาบานตนในยุคสมัยใหม่มักจะจัดที่ลานหน้าสภาคองเกรสและถ่ายทอดสดไปทั่วประเทศ
การกล่าวคำสาบานตนตามถ้อยคำที่ระบุไว้ในรัฐธรรมนูญนั้นถือว่าเป็นส่วนที่สำคัญที่สุด และการสาบานตนด้วยถ้อยคำที่ผิดเพี้ยนไปอาจส่งผลให้การขึ้นดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีนั้นไม่สมบูรณ์ ความผิดพลาดนี้เคยเกิดขึ้นกับการกล่าวคำสาบานของ บารัก โอบามา ในสมัยแรกที่เขากล่าวผิดไป 1 คำและเรียงลำดับคำผิดไป 1 ครั้ง ทำให้ต้องมากล่าวคำสาบานตนอีกครั้งที่ทำเนียบขาวในวันถัดมา
แต่การขึ้นรับตำแหน่งประธานาธิบดีในบางครั้งก็ไม่ใช่การเฉลิมฉลอง
มีถึง 9 ครั้งในประวัติศาสตร์ที่รองประธานาธิบดีต้องก้าวขึ้นมารับตำแหน่งประธานาธิบดีแทนประธานาธิบดีคนก่อนที่เสียชีวิตหรือลาออกด้วยเรื่องอื้อฉาว ทำให้พิธีสาบานตนไม่ใช่โอกาสอันน่ายินดีที่จะมาเฉลิมฉลอง เช่น พิธีสาบานตนของ ลินดอน บี. จอห์นสัน เมื่อวันที่ 22 พฤศจิกายน 1963 ที่จัดขึ้นไม่กี่ชั่วโมงภายหลังการเสียชีวิตจากการถูกลอบยิงของประธานาธิบดีคนก่อนหน้าเขาอย่าง จอห์น เอฟ. เคนเนดี ที่เมืองดัลลัส รัฐเท็กซัส โดยที่พิธีสาบานตนของเขาจัดขึ้นอย่างเรียบง่ายด้วยการแค่กล่าวสาบานตนตามที่รัฐธรรมนูญกำหนด บนเครื่องบิน Air Force One (เครื่องบินประจำตำแหน่งของประธานาธิบดี) ที่จอดอยู่ที่สนามบินดัลลัส เลิฟ ฟีลด์
หรือพิธีสาบานตนของ แฮร์รี เอส ทรูแมน เมื่อวันที่ 12 เมษายน 1945 ภายหลังการเสียชีวิตของ แฟรงคลิน ดี. โรสเวลต์ อย่างกะทันหันด้วยโรคหลอดเลือดสมอง โดยที่พิธีสาบานตนของเขาจัดขึ้นอย่างเรียบง่าย ด้วยการแค่กล่าวสาบานตนตามที่รัฐธรรมนูญกำหนดที่ห้องประชุมคณะรัฐมนตรีที่ทำเนียบขาว โดยบรรยากาศนั้นเต็มไปด้วยความโศกเศร้าต่อการจากไปของประธานาธิบดีผู้เป็นที่รักยิ่งของชาวอเมริกัน รวมทั้งบรรยากาศของความตื่นตระหนกต่ออนาคตของประเทศ เพราะไม่มีใครมั่นใจว่ารองประธานาธิบดีที่อ่อนประสบการณ์ทางการเมืองอย่างทรูแมนจะก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำคนใหม่ในระหว่างที่สหรัฐฯ ยังคงทำสงครามกับนาซีเยอรมนีและจักรวรรดิญี่ปุ่นในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ได้อย่างไร้รอยต่อ (แม้แต่ทรูแมนเองยังเอ่ยปากกับผู้สื่อข่าวว่าให้ช่วยกันสวดมนต์ให้เขาหน่อย ตอนนี้เขารู้สึกว่าดวงดาวทุกดวงบนท้องฟ้ากำลังถล่มลงมาที่เขา)
ประวัติศาสตร์อย่าซ้ำรอย
หากไม่นับถึงพิธีสาบานตนหลังการเสียชีวิตหรือการลาออกของประธานาธิบดีคนก่อน พิธีสาบานตนมักจะเป็นงานเฉลิมฉลองที่จัดกันภายนอกอาคาร ซึ่งในประวัติศาสตร์ที่ผ่านมามีเพียง 2 ครั้งเท่านั้นที่พิธีการนั้นจัดกันในร่ม ซึ่งก็คือพิธีสาบานตนครั้งแรกของ วิลเลียม ฮาวเวิร์ด แทฟต์ ในปี 1909 และพิธีสาบานตนครั้งที่ 2 ของ โรนัลด์ เรแกน ในปี 1985 ซึ่งทั้ง 2 ครั้ง พิธีการถูกเปลี่ยนไปจัดในร่ม ด้วยเหตุที่พายุหิมะเข้าถล่มกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. ในวันนั้นพอดี
ซึ่งในปีนี้พิธีสาบานตนครั้งที่ 2 ของทรัมป์ก็จะจัดในอาคารรัฐสภาเช่นกัน เนื่องจากอากาศที่หนาวเหน็บผิดปกติของกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. ที่พยากรณ์กันว่าจะลงไปถึง -10 องศาเซลเซียส อันเป็นผลมาจากมวลอากาศเย็นจากขั้วโลกเหนือหรือ Polar Vortex ที่กำลังปกคลุมทวีปอเมริกาเหนือ
การที่ทรัมป์ตัดสินใจจัดพิธีสาบานตนในร่มในครั้งนี้น่าจะเป็นการตัดสินใจที่ดี เพราะทรัมป์นั้นอายุ 78 ปีแล้ว การที่เขาจะต้องไปตากอากาศหนาวระดับต่ำกว่าจุดเยือกแข็งเป็นเวลาหลายชั่วโมงอาจส่งผลเสียต่อสุขภาพของเขาได้ และทรัมป์คงไม่อยากให้ประวัติศาสตร์นั้นซ้ำรอยเหมือนกับประธานาธิบดีคนที่ 9 อย่าง วิลเลียม เอช. แฮร์ริสัน ที่เข้ารับตำแหน่งเมื่ออายุ 68 ปี (ถือว่าชรามากสำหรับชายในศตวรรษที่ 19)
แฮร์ริสันทำพิธีสาบานตน ณ กรุงวอชิงตัน ดี.ซี. ในวันที่ 4 มีนาคม 1841 โดยในวันนั้นสภาพอากาศหนาวผิดปกติ โดยอุณหภูมิลดไปต่ำสุดที่ -9 องศาเซลเซียส แต่แฮร์ริสันนั้นต้องการที่จะพิสูจน์ให้ชาวอเมริกันเห็นว่าเขายังไม่แก่เกินแกงและยังมีสุขภาพแข็งแรงอยู่ เขาตัดสินใจทำพิธีสาบานตนและกล่าวสุนทรพจน์อีกกว่า 1 ชั่วโมงโดยที่ไม่ใส่เสื้อโค้ต ถุงมือ หรือหมวก เพื่อกันหนาวแต่อย่างใด และยังไปร่วมงานบอลอีกถึง 3 งานในค่ำคืนนั้น ซึ่งการใช้ร่างกายอย่างหนักของเขาในวันนั้นทำให้เขาติดเชื้อหวัดและต่อมาเชื้อก็ลามลงปอด ทำให้เขาเกิดภาวะปอดบวมจนเสียชีวิตในวันที่ 4 เมษายนในปีเดียวกัน ทำให้เขากลายเป็นประธานาธิบดีที่ดำรงตำแหน่งสั้นที่สุดในประวัติศาสตร์
ชุดของประธานาธิบดี
ในช่วงกลางศตวรรษที่ 19 เป็นต้นมา ประธานาธิบดีทุกคนจะใส่สูทแบบพิเศษที่เรียกว่า Morning Suit มาทำพิธีสาบานตน ซึ่ง Morning Suit นี้จะเป็นสูทยาวสวมทับเสื้อกั๊ก จับคู่กับกางเกงขายาวแบบมีลายตรง ใส่คู่กับหมวกยาว แต่การแต่งตัวแบบเต็มยศแบบนี้เริ่มถูกมองว่ารุ่มร่ามและดูเจ้ายศเจ้าอย่างเกินไป โดยจอห์นสันเป็นประธานาธิบดีที่ใส่สูทธรรมดามาทำพิธีสาบานตน ก่อนที่เรแกนจะนำ Morning Suit มาใช้อีกครั้งในพิธีสาบานตนของเขา และเป็นประธานาธิบดีคนสุดท้ายที่แต่งตัวเต็มยศเช่นนี้
แฟ้มภาพ: พิธีสาบานตนปี 2016 The White House