Music Watch รายงานว่า ในช่วงที่ผ่านมาตลาดเพลงในสหรัฐอเมริกาเติบโตขึ้นอย่างมหาศาล เมื่อเปรียบเทียบกับปี 2014 และอัตราเงินเฟ้อที่เปลี่ยนไป โดยชาวอเมริกันใช้จ่ายกับอุตสาหกรรมดนตรีมากยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการซื้ออัลบั้ม การดาวน์โหลดเพลง การไปคอนเสิร์ต ตลอดจนสินค้าต่างๆ ของศิลปิน
ในรายงานนี้ระบุว่า คนอเมริกันยอมจ่ายเงินเพื่อซื้อเพลงมากขึ้นกว่า 50 ล้านคน เมื่อเทียบกับ 10 ปีก่อน ทั้งการซื้อแผ่นซีดี แผ่นเสียง ดิจิทัลดาวน์โหลด ตลอดจนการสมัครสตรีมมิ่งหรือการจ่ายเงินเพื่อวิทยุออนไลน์
หากคิดเป็นตัวเลข ในปี 2024 คนอเมริกันจ่ายเงินให้กับเพลงเฉลี่ยแล้วคนละ 112 ดอลลาร์ ซึ่งเพิ่มขึ้นกว่า 10% เมื่อเทียบกับปี 2023 ที่พวกเขาใช้จ่ายกันคนละ 102 ดอลลาร์ และยิ่งเมื่อเทียบกับปี 2014 ที่พวกเขาจ่ายกันคนละ 80 ดอลลาร์ (เท่ากับ 91 ดอลลาร์เมื่อปรับตามอัตราเงินเฟ้อ) ก็คิดเป็นตัวเลขที่เพิ่มขึ้นกว่า 32% ในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา
ส่วนคอนเสิร์ตก็ถือว่ามีกระแสตอบรับที่ดีไม่แพ้กัน โดยพวกเขาใช้จ่ายเงินเพิ่มขึ้น 17% คิดเป็นมูลค่าเงิน 281 ดอลลาร์ และถึงแม้ว่าเงินเฟ้อจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับตัวเลขที่เพิ่มขึ้นนี้ แต่ก็ไม่ใช่เหตุผลหลักทั้งหมด และคนก็เข้าชมการแสดงดนตรีสดมากขึ้น 56% จากเดิม 51% เมื่อเทียบกับปี 2023 และยอดขายสินค้าของศิลปินต่างๆ ก็เพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะเสื้อวง ที่มียอดขายสูงขึ้น 45%
อย่างไรก็ตาม รายได้จากดิจิทัลดาวน์โหลดลดลงเป็นอย่างมากในช่วงที่ผ่านมา โดยในปี 2015 รายได้จากการดาวน์โหลดเพลงมีมูลค่ากว่า 2.3 พันล้านดอลลาร์ แต่ในปี 2024 เหลือเพียง 329 ล้านดอลลาร์ เพราะผู้คนหันไปใช้งานแพลตฟอร์มสตรีมมิ่งที่สะดวกสบายมากกว่า และการละเมิดลิขสิทธิ์ก็ยังคงมีอยู่ เพราะคนอเมริกันมากกว่า 14 ล้านคน ยอมรับว่าพวกเขาโหลดไฟล์เพลงที่ไม่ถูกลิขสิทธิ์
แต่ก็ยังคงมีผู้คนกว่า 56 ล้านคนฟังซีดีขณะขับรถ และ 48 ล้านคนก็ยังฟังเพลงที่ดาวน์โหลดมา แม้ยอดดาวน์โหลดนี้จะไม่สูงมากเท่าเมื่อก่อน ซึ่งทั้งหมดนี้ก็สะท้อนให้เห็นว่าคนอเมริกันมีความสนใจในอุตสาหกรรมดนตรีเพิ่มมากขึ้น ไม่ว่าจะด้วยวิธีการสนับสนุนศิลปินหรือการฟังเพลงในรูปแบบใดๆ ก็ตาม
ภาพ: Emma McIntyre / TAS24 / Getty Images for TAS Rights Management
อ้างอิง: