ความเคลื่อนไหวตลาดหุ้นโลกในวันนี้ (6 พฤศจิกายน) ดัชนีหุ้นของสหรัฐฯ ทั้ง Dow Jones +2.1%, S&P 500 +1.8%, Nasdaq 100 +1.6% และ Russell 2000 +4.5% โดดเด่นกว่าตลาดอื่นๆ ทั่วโลก
โดยปัจจัยหนุนสำคัญต่อหุ้นสหรัฐฯ ในเวลานี้คือการเลือกตั้งประธานาธิบดีคนที่ 47 ของสหรัฐฯ ซึ่งล่าสุด โดนัลด์ ทรัมป์ เป็นฝ่ายชนะการเลือกตั้งอย่างไม่เป็นทางการ
ขณะที่หุ้นจีนโดยเฉพาะหุ้นที่จดทะเบียนในตลาดหุ้นฮ่องกงถูกเทขายในวันนี้ กดดันให้ดัชนี Hang Seng ปรับตัวลดลง -2.4%
ณัฐชาต เมฆมาสิน ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ทรีนีตี้ กล่าวว่า จากสถิติที่ผ่านมาหุ้นสหรัฐฯ มักจะปรับตัวขึ้นได้ค่อนข้างโดดเด่นในช่วงของการเลือกตั้งไม่ว่าใครจะเป็นฝ่ายชนะ ส่วนดัชนีจะปรับขึ้นได้รุนแรงแค่ไหนอาจขึ้นอยู่กับผลการเลือกตั้งด้วย
สำหรับครั้งนี้ โดนัลด์ ทรัมป์ เป็นฝ่ายชนะ ยิ่งทำให้หุ้นสหรัฐฯ ได้ปัจจัยหนุนโดยตรง เนื่องจากนโยบายที่ค่อนข้างเป็นบวกต่อหุ้นสหรัฐฯ ไม่ว่าจะเป็นมาตรการลดภาษีธุรกิจหรือการลดภาษีคนรวย
และด้วยการชนะโดยมีเสียงข้างมากทั้งในสภาสูงและสภาล่าง หรือที่เรียกว่า Red Sweep ทำให้นโยบายต่างๆ ของทรัมป์จะทำได้ทั้งรวดเร็วและรุนแรง ทำให้ค่าเงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้นอย่างชัดเจน
จากสถิติในช่วงที่ทรัมป์ชนะการเลือกตั้งเมื่อปี 2016 พบว่าดัชนี S&P 500 ปรับตัวขึ้นต่อเนื่อง 1 ปี 3 เดือน เพิ่มขึ้นราว 38% อย่างไรก็ตาม การ Outperform ของหุ้นสหรัฐฯ ต่อหุ้นในตลาดเกิดใหม่ หากอิงจากการเลือกตั้งเมื่อปี 2016 น่าจะเด่นชัดในช่วง 1-3 เดือนแรก
นอกจากหุ้นสหรัฐฯ แล้ว ตลาดหุ้นอื่นๆ ที่น่าจะได้ประโยชน์คือหุ้นญี่ปุ่น จากการอ่อนค่าของเงินเยนเทียบกับดอลลาร์ รวมทั้งหุ้นเวียดนามที่ได้ประโยชน์จากการย้ายฐานการผลิตเพื่อลดผลกระทบจากสงครามการค้า ซึ่งวันนี้ดัชนี Nikkei 225 ปรับตัวขึ้น 2.16% ส่วนดัชนี VN 30 ของเวียดนาม ปรับตัวขึ้น 1.23%
ในมุมกลับกัน ตลาดหุ้นจีนน่าจะเป็นฝั่งที่ได้รับผลกระทบมากที่สุดจากการชนะของทรัมป์ นอกจากแรงเทขายในตลาดหุ้นฮ่องกงแล้ว ดัชนี CSI 300 ของหุ้นจีนก็ปรับตัวลดลง 0.5%
ขณะที่ความเคลื่อนไหวของราคาสินทรัพย์อื่นๆ หลังการประกาศชัยชนะของทรัมป์ ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ส่วนใหญ่ปรับตัวลดลง โดยราคาทองคำลดลงมาอยู่ที่ 2,740 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ลดลง 0.3% ราคาน้ำมันดิบ WTI อยู่ที่ 70.81 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ลดลง 1.64% ส่วนราคา Bitcoin พุ่งขึ้นทำสถิติใหม่ที่ราว 75,000 ดอลลาร์ ก่อนจะลดลงมาอยู่ที่ราว 73,000 ดอลลาร์
ภาพ: Malchev / shutterstock