×

สถาบันโรคติดเชื้อสหรัฐฯ กังวลผลทดสอบวัคซีน AstraZeneca เฟส 3 ในอเมริกา ชี้ให้ข้อมูล ‘ไม่เป็นปัจจุบัน’ ด้าน AstraZeneca เตรียมเปิดข้อมูลเพิ่ม

25.03.2021
  • LOADING...
สถาบันโรคติดเชื้อสหรัฐฯ กังวลผลทดสอบวัคซีน AstraZeneca เฟส 3 ในอเมริกา ชี้ให้ข้อมูล ‘ไม่เป็นปัจจุบัน’ ด้าน AstraZeneca เตรียมเปิดข้อมูลเพิ่ม

หลังจาก AstraZeneca ออกมาแถลงผลการทดสอบวัคซีนโควิด-19 ระยะที่ 3 ของทางบริษัทในสหรัฐอเมริกา ชิลี และเปรู ว่าวัคซีนของ Oxford-AstraZeneca มีประสิทธิภาพอยู่ที่ 79% ในการป้องกันการเจ็บป่วยจากโควิด-19 แบบที่มีอาการ และสามารถป้องกันโรคที่มีอาการรุนแรงหรือการเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลได้ 100% เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมานั้น

 

ล่าสุด สถาบันโรคภูมิแพ้และโรคติดเชื้อแห่งชาติของสหรัฐอเมริกา (NIAID) กลับมีแถลงการณ์ในเรื่องดังกล่าวระบุว่า คณะกรรมการตรวจสอบข้อมูลและความปลอดภัย (DSMB) ซึ่งเป็นคณะกรรมการอิสระที่ตรวจสอบข้อมูลเกี่ยวกับวัคซีนโควิด-19 หลายประเภท ได้แสดงความกังวลเกี่ยวกับการแถลงผลการทดสอบของ AstraZeneca ดังกล่าว โดยระบุว่า AstraZeneca อาจรวมข้อมูลที่ ‘ไม่เป็นปัจจุบัน’ จากการทดสอบไว้ด้วย

 

“DSMB แสดงความกังวลว่า AstraZeneca อาจรวมข้อมูลที่ไม่เป็นปัจจุบันจากการทดลอง ซึ่งอาจให้มุมมองที่ไม่สมบูรณ์เกี่ยวกับข้อมูลประสิทธิภาพ (ของวัคซีน) เราขอให้ทางบริษัททำงานร่วมกับ DSMB เพื่อตรวจสอบข้อมูลประสิทธิภาพและทำให้มั่นใจว่าจะมีการเปิดเผยข้อมูลประสิทธิภาพที่ถูกต้องและเป็นปัจจุบันที่สุดต่อสาธารณะโดยเร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้” แถลงการณ์ของ NIAID ระบุ

 

จากนั้นในวันเดียวกัน AstraZeneca ก็ออกแถลงการณ์ตามมาระบุว่า ข้อมูลที่แถลงในวันจันทร์มาจากขั้นตอนการวิเคราะห์ในขั้นที่มีชื่อว่า Interim Analysis โดยใช้ข้อมูลจนถึงวันที่ 17 กุมภาพันธ์ และทาง AstraZeneca ก็ได้ทบทวนการประเมินเบื้องต้นเกี่ยวกับการวิเคราะห์ข้อมูลในอีกขั้นที่เกิดตามมาภายหลัง คือขั้น Primary Analysis และพบว่าสอดคล้องกับผลที่ได้กันกับผลจากขั้นการวิเคราะห์ Interim Analysis อย่างไรก็ตาม AstraZeneca จะติดต่อกับ DSMB โดยทันที เพื่อแบ่งปันข้อมูลการวิเคราะห์ในขั้น Primary Analysis พร้อมกับข้อมูลประสิทธิภาพของวัคซีนที่เป็นปัจจุบันที่สุด และตั้งใจที่จะเผยแพร่ผลการวิเคราะห์ในขั้น Primary Analysis ภายใน 48 ชั่วโมง

 

หนังสือพิมพ์ The Financial Times ของอังกฤษรายงานว่า ตามโครงสร้างของการทดสอบวัคซีนนี้ การวิเคราะห์ในขั้น Interim Analysis จะเกิดขึ้นหลังตรวจพบผู้ติดเชื้อโควิด-19 จำนวน 75 รายในหมู่ผู้เข้ารับการทดสอบทั้งหมด ตามมาด้วยการวิเคราะห์ในขั้น Primary Analysis ซึ่งจะเกิดขึ้นหลังตรวจพบผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในหมู่ผู้เข้ารับการทดสอบเพิ่มเป็น 150 ราย ซึ่ง เดวิด เบนเคเซอร์ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ด้านชีวสถิติที่มหาวิทยาลัยเอโมรีระบุปัญหาว่า จำนวนผู้ติดเชื้อนั้นถึงเกณฑ์ที่จะวิเคราะห์ในขั้น Primary Analysis ได้แล้วในระหว่างที่การวิเคราะห์ขั้น Interim Analysis ยังคงดำเนินการอยู่ นำไปสู่ความสับสนว่าจะรายงานข้อมูลผลการทดสอบใด

 

เบนเคเซอร์เขียนข้อความผ่านทวิตเตอร์ว่า “DSMB คิดว่า (ข้อมูลที่ถูกรายงาน) ควรเป็นข้อมูลจากขั้น Primary แต่ AZ (AstraZeneca) รายงานข้อมูลในขั้น Interim ซึ่งเห็นได้ชัดว่า DSMB รู้สึกว่ามีบางอย่างในขั้น Primary ที่แตกต่างอย่างมีนัยสำคัญ”

 

อย่างไรก็ตาม แอนโทนี เฟาซี ผู้อำนวยการของ NIAID ระบุในรายการโทรทัศน์ว่า DSMB รู้สึกว่าข้อมูลที่ปรากฏในการแถลงผลการศึกษาของ AstraZeneca นั้นค่อนข้างไม่เป็นปัจจุบัน และอาจทำให้เกิดความเข้าใจผิดเล็กน้อย และต้องการให้ AstraZeneca แก้ไขปัญหานี้ให้สำเร็จ เฟาซีชี้ว่าการแถลงผลดังกล่าวในข่าวแจกต่อสื่อมวลชนนั้นเป็น ‘ความผิดพลาดโดยประมาท’ ที่อาจสร้างความสงสัยต่อ ‘วัคซีนที่ดูมีแนวโน้มว่าจะเป็นวัคซีนที่ดีมาก’ ได้ เขายังบอกด้วยว่าเมื่อได้เห็นจดหมายของ DSMB แล้วก็รู้สึกว่าไม่สามารถปล่อยผ่านเรื่องนี้ไปโดยไม่มีคำตอบได้ และหาก NIAID ยังคงเงียบอยู่ พวกเขาอาจถูกกล่าวหาว่าปกปิดบางสิ่งบางอย่างเอาไว้ ซึ่งพวกเขาไม่ต้องการอยู่ในจุดนั้น

 

อีกด้านหนึ่งสำนักข่าว CNN ชี้ว่า แถลงการณ์แย้งข้อมูลผลการทดสอบวัคซีนของ AstraZeneca ดังกล่าวนั้นเป็นเรื่องที่ ‘ไม่ปกติ’ โดย สตีเฟน อีวานส์ ศาสตราจารย์ด้านเภสัชระบาดวิทยาจากสถาบัน London School of Hygiene & Tropical Medicine ระบุว่า DSMB อาจเห็นต่างกับผู้ตรวจสอบกรณีการวิเคราะห์ผลการทดสอบในบางครั้ง แต่การแสดงความเห็นต่างมักจะทำแบบส่วนตัว ฉะนั้นเขาจึงเห็นว่านี่เป็นสิ่งที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน 

 

ส่วน ดร.ปีเตอร์ โฮเตซ ผู้เชี่ยวชาญด้านวัคซีนและคณบดีด้านเวชศาสตร์เขตร้อนที่โรงเรียนแพทย์ Baylor ระบุว่า แถลงการณ์ของ NIAID ถือว่า ‘แปลกมาก’ และแสดงความกังวลว่าเรื่องนี้จะยิ่งทำลายความเชื่อมั่นของสาธารณชนต่อวัคซีน Oxford-AstraZeneca โดยเฉพาะในประเทศที่มีรายได้ต่ำและปานกลาง เขายังย้ำว่า “เราไม่ได้มีทางเลือกมากนักสำหรับแอฟริกาและลาตินอเมริกาในจุดนี้”

 

ส่วน The Washington Post รายงานคำให้สัมภาษณ์ของ แอนเจลา ราสมุสเซน นักไวรัสวิทยาจากศูนย์วิทยาศาสตร์สุขภาพและความปลอดภัยระดับโลกของมหาวิทยาลัยจอร์จทาวน์ เธอระบุตอนหนึ่งว่า เธอเชื่อว่าวัคซีนนี้จะยังได้รับการอนุมัติจากองค์การอาหารและยาสหรัฐฯ (FDA) แต่ผู้คนอาจรู้สึกว่าวัคซีนนี้มีประเด็นมากเกินไปและต้องการสิ่งที่เชื่อถือได้มากกว่านี้ เธอบอกว่า ณ วันนี้เธอจะยังรับวัคซีนชนิดนี้อยู่หากมีให้ใช้ แต่กังวลว่าข้อพิพาทด้านข้อมูลจะกระตุ้นให้เกิดความลังเลใจเกี่ยวกับวัคซีน โดยผู้คนอาจจะสงสัยเกี่ยวกับวัคซีนโควิด-19 ทุกชนิดมากขึ้น และอาจตัดสินใจไม่รับวัคซีนใดๆ เลย

 

อย่างไรก็ตาม จากแถลงการณ์ของ NIAID ไม่ได้มีสิ่งที่บ่งชี้ว่าความกังวลของ DSMB จะเชื่อมโยงไปถึงประเด็นความปลอดภัยในการใช้วัคซีน Oxford-AstraZeneca แต่อย่างใด

 

นับเป็นอีกครั้งที่วัคซีน Oxford-AstraZeneca ต้องเผชิญกับการถูกตั้งคำถาม หลังจากกรณีล่าสุดที่หลายประเทศในยุโรปหยุดการฉีดวัคซีนชั่วคราวจากการพบปัญหาผู้ได้รับวัคซีนจำนวนหนึ่งเกิดภาวะลิ่มเลือดอุดตัน กระทั่งองค์การยาแห่งยุโรปยืนยันว่าวัคซีนดังกล่าวปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ รวมถึงไม่เกี่ยวข้องกับความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นในการเกิดลิ่มเลือดหรือเหตุการณ์ลิ่มเลือดอุดตัน และบางประเทศในยุโรปก็เริ่มกลับมาฉีดวัคซีนนี้ใหม่อีกครั้งแล้ว 

 

ภาพ: Dan Kitwood / Getty Images

พิสูจน์อักษร: พรนภัส ชำนาญค้า

อ้างอิง:

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

X
Close Advertising