×

สหรัฐฯ เสี่ยงภาวะ ‘สมองไหล’ หลังทรัมป์ประกาศขึ้นค่าวีซ่า H-1B อีก 50 เท่า เอื้อต่างชาติเร่งดูดแรงงานทักษะเฉพาะทาง

24.09.2025
  • LOADING...
สหรัฐฯ เสี่ยงภาวะสมองไหล หลังทรัมป์ขึ้นค่าธรรมเนียมวีซ่า H-1B 50 เท่า

นักเศรษฐศาสตร์ออกโรงเตือนสหรัฐฯ เสี่ยงเผชิญภาวะสมองไหล (Brain Drain) หลังโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ประกาศขึ้นค่าธรรมเนียมในการยื่นขอวีซ่า H-1B สูงถึง 100,000 ดอลลาร์ ซึ่งจะทำให้ภาคธุรกิจต้องกับค่าธรรมเนียมส่วนนี้ที่เพิ่มขึ้น 50 – 60 เท่า 

 

อย่างไรก็ตาม บรรดาบริษัทผู้นำด้านเทคโนโลยีส่วนใหญ่กลับสนับสนุนแนวทางการดำเนินงานของทรัมป์ ในทางตรงกันข้าม รัฐบาลของประเทศต่างๆ เตรียมผ่อนปรนเงื่อนไขวีซ่า เพื่อดึงดูดบุคลากรศักยภาพสูงเข้าไปในประเทศ

 

สหรัฐฯ เสี่ยงเผชิญ ‘ภาวะสมองไหล’

 

โครงการวีซ่า H-1B ถือเป็นหัวใจสำคัญในการดึงดูดแรงงานต่างชาติที่มี ‘ทักษะเฉพาะทาง’ เข้ามาทำงานในสหรัฐฯ ทั้งในสายงานด้านสาธารณสุข เทคโนโลยี และอุตสาหกรรมการเงิน ซึ่งนักเศรษฐศาสตร์ส่วนใหญ่สนับสนุนให้ดำเนินโครงการต่อไป

 

Atakan Bakiskan นักเศรษฐศาสตร์จาก Berenberg กล่าวว่า ค่าธรรมเนียมการยื่นขอวีซ่าที่แพงขึ้น จะทำให้ภาคธุรกิจสหรัฐฯ ต้องแบกรับต้นทุนแรงงานต่างชาติที่แพงขึ้นด้วย 

 

นอกจากนี้ สหรัฐฯ ยังต้องเผชิญกับภาวะสมองไหล เนื่องจากว่านักเรียนต่างชาติจำนวนมากจะต้องเดินทางออกนอกสหรัฐฯ เพื่อหางานทำในประเทศอื่นๆ ซึ่งจะทำให้สหรัฐฯ ต้องสูญเสียผลิตภาพแรงงานทักษะสูงเหล่านี้ไป

 

ที่สำคัญ Bakiskan ระบุว่า การลงทุนในปัญญาประดิษฐ์ (AI) ที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในระยะหลังนี้ ก็ไม่อาจชดเชยความเสียหายจากทุนมนุษย์ (Human Capital) ที่เสียไปได้ 

 

ไม่เพียงเท่านั้น เมื่อพิจารณาผลกระทบร่วมกับปัญหาอื่นๆ ของสหรัฐฯ ไม่ว่าจะเป็น การสูญเสียทุนมนุษย์ สถาบันทั้งด้านกฎหมายและการเมืองที่เสื่อมความเชื่อมั่นลงอย่างมาก การตั้งกำแพงภาษี (Tariffs) หรือแม้แต่นโยบายการคลังอื่นๆ ที่อาจนำมาซึ่งวิกฤตการเงิน ทั้งหมดนี้ Bakiskan ชี้ว่าจะทำให้สกุลเงินดอลลาร์อ่อนค่ากว่าเดิม รวมถึงต้นทุนการกู้ยืมของรัฐบาลจะแพงขึ้นด้วย

 

ส่วน Kathleen Brooks ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยจาก XTB บริษัทโบรกเกอร์ชั้นนำจากยุโรปกล่าวว่า บริษัทเทคขนาดใหญ่จะไม่เดือดร้อนจากการเปลี่ยนแปลงค่าธรรมเนียมในครั้งนี้ แต่บริษัทที่มีขนาดเล็กกว่า หรืออยู่ในอุตสาหกรรมที่ทำเงินน้อยกว่า เช่น บริการสุขภาพ และภาคการศึกษาจะต้องเผชิญความยากลำบากในอนาคต 

 

อย่างไรก็ตาม ภาคเอกชนบางส่วนกลับมองต่างออกไป และสนับสนุนการดำเนินการของโดนัลด์ ทรัมป์อย่างเต็มที่

 

บริษัทเทคยักษ์ใหญ่อาจไม่เดือดร้อน

 

แม้นักเศรษฐศาสตร์จะแสดงความเป็นกังวลอย่างมาก แต่บรรดาซีอีโอของบริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่กลับออกมาแสดงทัศนะเชิงบวกต่อการเปลี่ยนแปลงค่าธรรมเนียมวีซ่า H-1B ซึ่งสอดคล้องตามการประเมินของ Brooks

 

เจนเซน หวง ซีอีโอ Nvidia กล่าวชื่นชมการดำเนินงานของทรัมป์ในครั้งนี้ว่า “ผู้อพยพมีความสำคัญต่อบริษัทของเราอย่างมาก เช่นเดียวกับที่มีความสำคัญต่ออนาคตของประเทศชาติ ซึ่งผมยินดีกับสิ่งที่ประธานาธิบดีทรัมป์กำลังทำอยู่นะ” 

 

ส่วนแซม อัลต์แมน มองว่าการปรับขึ้นค่าธรรมเนียมเป็นการกระทำที่ถูกต้องแล้ว เพราะ “เราต้องการคนที่ฉลาดสุดๆ มาทำงานกับเรา ซึ่งการปรับระบบดึงดูดคนใหม่ รวมถึงการปรับแรงจูงใจทางการเงิน สำหรับผมแล้วฟังดูเป็นเรื่องดีเลยนะ” 

 

สำหรับ รี้ด เฮสติ้งส์ ผู้ร่วมก่อตั้งและประธานบอร์ดของ Netflix ก็ได้ออกมากล่าวยกย่องแผนขึ้นค่าธรรมเนียมวีซ่า H-1B ว่า เป็นวิธีแก้ปัญหาที่ยอดเยี่ยม 

 

โดยโพสต์ผ่าน X ดังนี้ “วีซ่า H-1B จะถูกนำมาใช้กับตำแหน่งงานที่มีมูลค่าสูง ระบบการสุ่มด้วยลอตเตอรี่แบบเดิมจึงไม่จำเป็นอีกต่อไป ทำให้ระบบการจ้างตำแหน่งงานลักษณะนี้เชื่อมั่นได้มากขึ้น”  

 

อย่างไรก็ตาม เควิน โอเลียรี นักลงทุนชาวแคนาดาจากรายการ Shark Tank กลับแสดงมุมมองเชิงลบต่อการขึ้นค่าธรรมเนียมวีซ่า H-1B ในครั้งนี้ โดยกล่าวว่าจะกระทบต่อการจ้างงานของบริษัทขนาดเล็ก และยังผลักให้แรงงานศักยภาพสูงไหลออกนอกประเทศ ซึ่งไม่ดีต่อการพัฒนานวัตกรรมในระยะยาว 

 

ท่ามกลางข้อถกเถียงที่แตกต่างกันไปในสหรัฐฯ บรรดารัฐบาลหลายประเทศกลับเห็นโอกาสสำคัญในการเร่งดึงบุคลากรเข้ามาช่วยเพิ่มผลิตภาพแรงงานของตัวเอง

 

จับตานานาชาติเล็งดูดคนเก่งเข้าประเทศ

 

แม้ความเห็นจะแตกต่างกันไประหว่างนักวิชาการและนักธุรกิจ อย่างไรก็ตาม รัฐบาลในประเทศต่างๆ เลือกอาศัยจังหวะที่สหรัฐฯ คุมเข้มการย้ายถิ่นฐานนี้ ให้เป็นโอกาสสำคัญในการสรรหาแรงงานศักยภาพสูงเข้ามาในประเทศ  

 

ด้านคัง ฮุนซิก หัวหน้าคณะทำงานประจำทำเนียบประธานาธิบดีเกาหลีใต้สั่งการไปยังบรรดารัฐมนตรีต่างๆ เพื่อเร่งหาวิธีดึงตัวนักวิทยาศาสตร์และวิศวกรจากสหรัฐฯ มาพัฒนาอุตสาหกรรมเทคโนโลยีในประเทศ โดยระบุว่ารัฐบาลได้วางแผนงบประมาณปีต่อไปสำหรับโครงการริเริ่มปัญญาประดิษฐ์ (AI) และเทคโนโลยีอื่นๆ เพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจแล้ว

 

ก่อนหน้านี้ เกาหลีใต้เปิดโครงการ K-Tech Pass เพื่อดึงดูดแรงงานทักษะสูงจากต่างชาติ ที่จบการศึกษาจากมหาวิทยาลัยระดับ Top 100 ของโลก และมีประสบการณ์ทำงานอย่างน้อย 3 ปีในบริษัทใหญ่ระดับ Top 500 ของโลก  

 

ขณะเดียวกัน จีนเองก็เตรียมเปิดตัวโครงการวีซ่าในลักษณะเดียวกันกับ K-Tech Pass เพื่อดึงดูดแรงงานทักษะสูงเช่นกัน อย่างไรก็ตาม กระทรวงการต่างประเทศจีนปฏิเสธที่จะแสดงความเห็นต่อการเปลี่ยนแปลงของสหรัฐฯ แต่ระบุว่าพร้อมต้อนรับบุคลากรแนวหน้าจากทั่วโลก

 

ด้านเคียร์ สตาร์เมอร์ นายกรัฐมนตรีอังกฤษ ซึ่งกำลังพิจารณาข้อเสนอเว้นค่าธรรมเนียมวีซ่าบางส่วน สำหรับบุคลากรที่มีความสามารถสูงระดับโลก และอยู่ในช่วงขั้นตอนการหารือ ซึ่งความเคลื่อนไหวล่าสุดของทรัมป์อาจผลักดันให้อังกฤษตัดสินใจง่ายขึ้น

 

ภาพ: Evgenia Parajanian/Getty Images

อ้างอิง: 

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising