สหรัฐฯ เข้าสู่ภาวะชัตดาวน์เป็นวันที่ 23 เมื่อวานนี้ (13 ม.ค.) ซึ่งถือเป็นสถิติยาวนานที่สุดในประวัติศาสตร์ ขณะที่สมาชิกวุฒิสภาจากพรรครีพับลิกันเรียกร้องให้หน่วยงานรัฐบางส่วนเปิดทำการชั่วคราว เพื่อให้พรรครีพับลิกันและเดโมแครตสามารถเจรจาหาทางฝ่าวิกฤตไปได้ อย่างไรก็ตามทรัมป์มองว่าภาวะชัตดาวน์ที่ยืดเยื้อนี้ถือเป็นชัยชนะสำหรับเขา
ผลจากการชัตดาวน์ทำให้พนักงานภาครัฐราว 800,000 คนทั่วประเทศไม่ได้รับค่าจ้าง ขณะที่หน่วยงานหลายกระทรวงไม่ได้รับการจัดสรรงบประมาณสำหรับดำเนินงาน เนื่องจากสภาคองเกรสยังไม่สามารถผ่านร่างกฎหมายงบประมาณ หลังทำเนียบขาว สมาชิกรีพับลิกันและเดโมแครตในรัฐสภาไม่สามารถรอมชอมกันได้เกี่ยวกับแผนสร้างกำแพงตรงชายแดนเม็กซิโก
ประชาชนชาวอเมริกันส่วนใหญ่ (53%) มองว่าทรัมป์และสมาชิกรีพับลิกันในสภาคองเกรสเป็นต้นเหตุของปัญหาชัตดาวน์ที่ควรถูกตำหนิ ขณะที่ 29% มองว่าเป็นความผิดของเดโมแครต และมี 13% ที่มองว่าเป็นความผิดร่วมกันจากการสำรวจความคิดเห็นโดยสำนักข่าว ABC และ Washington Post
อย่างไรก็ตาม ผู้ตอบแบบสอบถามส่วนใหญ่ (42%) สนับสนุนให้รัฐบาลเดินหน้าสร้างกำแพงเพื่อป้องกันการไหลทะลักของผู้อพยพผิดกฎหมาย ตัวเลขดังกล่าวเพิ่มขึ้นจาก 34% ที่สำรวจในเดือนมกราคมปีที่แล้ว
เมื่อวานนี้ ทรัมป์ได้ทวีตข้อความวิจารณ์พรรคเดโมแครต รวมทั้งยืนยันว่าจะไม่ล้มเลิกแผนสร้างกำแพงอย่างแน่นอน
สำหรับงบประมาณสร้างกำแพงที่ทรัมป์ต้องการนั้นอยู่ที่ 5,700 ล้านเหรียญสหรัฐ ทว่า ส.ส. เดโมแครตไม่ยอมรับตัวเลขดังกล่าว พร้อมผลักดันร่างงบประมาณผ่านสภาผู้แทนราษฎรโดยที่ไม่มีการบรรจุแผนสร้างกำแพง ส่งผลให้วุฒิสภาซึ่งมี ส.ว. รีพับลิกันครองเสียงข้างมากปฏิเสธไม่รับพิจารณาร่างกฎหมายดังกล่าว ขณะที่ทรัมป์เองก็ขู่ด้วยว่าจะไม่ยอมลงนามรับรองเช่นกัน
ด้านวุฒิสมาชิก ลินด์เซย์ เกรแฮม จากรีพับลิกัน เรียกร้องให้ทรัมป์เปิดทำการหน่วยงานรัฐบางส่วนชั่วคราว เพื่อเปิดทางให้รีพับลิกันและเดโมแครตสามารถเจรจากันต่อได้ เพื่อหาข้อสรุปเกี่ยวกับแผนสร้างกำแพงโดยเร็ว
พิสูจน์อักษร: ลักษณ์นารา พักตร์เพียงจันทร์
อ้างอิง: