เมื่อวันศุกร์ที่ 22 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ตามเวลาท้องถิ่นสหรัฐฯ คณะกรรมการกลางกำกับดูแลกิจการสื่อสารของสหรัฐฯ (FCC) ได้ลงมติเอกฉันท์ 5-0 ประกาศใช้คำสั่งห้ามมิให้ผู้ให้บริการโทรคมนาคมท้องถิ่นนำงบประมาณสนับสนุนของรัฐบาลไปใช้ซื้ออุปกรณ์จาก Huawei และ ZTE สองบริษัทผู้พัฒนาเทคโนโลยีด้านโครงข่ายและการสื่อสารจากจีน ที่ถูกระบุว่า เป็น ‘ภัยต่อความมั่นคงของชาติ’
การประกาศใช้มาตรการดังกล่าวจะส่งผลให้ผู้ให้บริการโครงข่ายไร้สายในสหรัฐฯ ไม่สามารถนำเงินทุนที่รัฐบาลสหรัฐฯ เป็นผู้สนับสนุนด้านกิจการโทรคมนาคมและการติดตั้งโครงข่ายไร้สายทั่วประเทศ (USF) มูลค่าราว 8.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ไปใช้ซื้ออุปกรณ์ใดๆ ก็ตามจาก Huawei และ ZTE ได้เลย
อาจิต ไพ ประธาน FCC ระบุว่า “คณะกรรมการกลางกำกับดูแลกิจการสื่อสารของสหรัฐฯ จะไม่ยอมนั่งเฉยๆ และรอคอยความหวังในการจัดการกับภัยคุกคามต่อความมั่นคงของสหรัฐอเมริกา และอนาคตเทคโนโลยี 5G ของเรา สิ่งที่เกิดขึ้นไม่ใช่ปัญหาทางการเมือง”
นอกจากนี้คณะกรรมการกลางกำกับดูแลกิจการสื่อสารของสหรัฐฯ ยังมีคำสั่งให้ผู้ให้บริการทั้งหมดดำเนินการถอนการติดตั้งและแทนที่อุปกรณ์หรือชิ้นส่วนต่างๆ จาก Huawei และ ZTE จากโครงข่ายเดิมที่ติดตั้งออกไว้แล้วทั้งหมด ทำให้หลายฝ่ายเชื่อว่า มาตรการที่เกิดขึ้นในครั้งนี้จะส่งผลกระทบกับการดำเนินกิจการและการทำธุรกิจในสหรัฐฯ ของ Huawei ชนิดที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้
ความเคลื่อนไหวล่าสุดจากฝั่ง Huawei โฆษกประจำบริษัทก็ได้ออกมาแถลงการณ์ โดยระบุว่า พวกเขาเชื่อว่า คำสั่งที่เกิดขึ้นนี้ของ FCC เป็นสิ่งที่ขัดต่อหลักกฎหมาย เพราะการกล่าวหาว่า Huawei เป็นภัยต่อความมั่นคงของสหรัฐฯ ถือเป็นการกล่าวอ้างลอยๆ ที่ไร้ซึ้งหลักฐานและข้อมูลใดๆ ทั้งสิ้น
พิสูจน์อักษร: ภาวิกา ขันติศรีสกุล
อ้างอิง: