สหรัฐอเมริกาเปิดเผยว่า ภารกิจกู้ซากบอลลูนสอดแนมจากจีน รวมถึงวัตถุลอยฟ้าอื่นๆ ที่ถูกกองทัพยิงตกใกล้กับรัฐอะแลสกาและบริเวณทะเลสาบฮูรอนได้เสร็จสิ้นลงเป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยขณะนี้เจ้าหน้าที่กำลังอยู่ระหว่างวิเคราะห์ข้อมูลของ ‘ไส้ใน’ บอลลูนสอดแนมจีน ซึ่งมีรายงานว่าพบเซ็นเซอร์หลายตัวที่คาดว่าใช้เพื่อรวบรวมข่าวกรองด้วย
กองบัญชาการเหนือของกองทัพสหรัฐฯ ระบุว่า เศษซากบอลลูนจีนซึ่งถูกเครื่องบินรบยิงตกลงมาเมื่อช่วงต้นเดือน ขณะนี้กำลังถูกส่งไปยังห้องปฏิบัติการของ FBI ในรัฐเวอร์จิเนียเพื่อทำการวิเคราะห์ต่อไป โดยเจ้าหน้าที่ระบุว่าสามารถเก็บกู้วัสดุจากซากบอลลูนได้เป็นจำนวนมาก ซึ่งรวมถึงชิ้นส่วนที่เป็นโครงสร้างขนาดใหญ่ และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่ติดมาด้วย
จอห์น เคอร์บี โฆษกสภาความมั่นคงแห่งชาติสหรัฐฯ ระบุว่า สหรัฐฯ ได้เรียนรู้ข้อมูลมากมายเกี่ยวกับบอลลูนสอดแนมจีน หลังจากที่ได้เฝ้าสังเกตการลอยตัวของบอลลูนเหนือน่านฟ้าสหรัฐฯ อยู่หลายวัน ก่อนที่ประธานาธิบดีโจ ไบเดน จะมีคำสั่งยิง และสำหรับการเก็บกู้ซากครั้งนี้จะทำให้สหรัฐฯ ได้เรียนรู้ข้อมูลใหม่ๆ เพิ่มเติมจากการศึกษาไส้ในของบอลลูนว่ามันทำงานอย่างไร และมีประสิทธิภาพอย่างไรบ้าง
ทั้งนี้ สหรัฐฯ ได้พบบอลลูนดังกล่าวเป็นครั้งแรกเมื่อวันที่ 28 มกราคมที่ผ่านมา ก่อนจะมีรายงานยืนยันว่าวัตถุดังกล่าวเป็นบอลลูนของจีน ซึ่งเคลื่อนผ่านพื้นที่สำคัญของประเทศหลายแห่ง และหนึ่งในนั้นคือฐานทัพอากาศมัลม์สตรอมในรัฐมอนทานา ก่อนที่ในท้ายที่สุดเมื่อวันที่ 4 กุมภาพันธ์ กองทัพสหรัฐฯ จะตัดสินใจส่งเครื่องบินรบ F-22 ยิงบอลลูนสอดแนมขณะลอยอยู่เหนือมหาสมุทรแอตแลนติก นอกชายฝั่งรัฐเซาท์แคโรไลนา เพื่อลดความเสี่ยงที่จะเป็นอันตรายต่อประชาชนบนภาคพื้นดิน ซึ่งสถานการณ์ที่เกิดขึ้นได้สร้างความตึงเครียดให้กับความสัมพันธ์จีน-สหรัฐฯ อย่างมาก
อย่างไรก็ตาม สำหรับวัตถุลอยฟ้าปริศนาอีก 2 ชิ้นที่กล่าวไปข้างต้นนั้น สหรัฐฯ ระบุว่าทางการไม่พบซากของมัน โดยแถลงการณ์ระบุว่า “กองทัพสหรัฐฯ รวมถึงหน่วยงานของรัฐบาลกลาง และหน่วยงานพันธมิตรของแคนาดา ได้ทำการค้นหาอย่างเป็นระบบในแต่ละพื้นที่โดยใช้เทคนิคที่หลากหลาย เช่น การค้นหาจากภาพทางอากาศ เซ็นเซอร์พื้นผิว การตรวจสอบพื้นผิว และการสแกนใต้ผิวดิน แต่ก็ไม่พบเศษซากวัตถุดังกล่าว”
ภาพ: Reuters
อ้างอิง: