สหรัฐอเมริกาได้กลับมาเปิดสถานทูตในกรุงเคียฟเมื่อวานนี้ (20 พฤศจิกายน) หลังจากปิดให้บริการในช่วงเช้าของวันเดียวกันเนื่องจากมีภัยคุกคามจากการโจมตีทางอากาศอย่างรุนแรง ซึ่งเกิดขึ้นหนึ่งวันหลังจากที่ยูเครนใช้ขีปนาวุธพิสัยไกล ATACMS ที่ได้รับจากสหรัฐฯ โจมตีเป้าหมายในรัสเซีย
ทั้งนี้ บริดเจ็ต เอ บริงค์ เอกอัครราชทูตสหรัฐฯ ประจำยูเครน ได้แนะนำให้พลเมืองสหรัฐฯ ในยูเครนเฝ้าระวังและเตรียมพร้อมสำหรับการหลบภัยหากมีสัญญาณเตือนภัยทางอากาศ
ก่อนหน้านี้สถานทูตได้ปิดชั่วคราวเนื่องจากภัยคุกคามต่อกรุงเคียฟ ขณะที่สถานทูตอิตาลีและกรีซก็ปิดให้บริการเช่นกัน ส่วนสถานทูตฝรั่งเศสยังคงเปิด แต่เตือนพลเมืองให้ระมัดระวัง
โวโลดิเมียร์ เซเลนสกี ประธานาธิบดีของยูเครน เตือนประชาชนให้ปฏิบัติตามคำเตือนภัยทางอากาศ และกล่าวว่า “ข้อความที่สร้างความตื่นตระหนกคือการช่วยเหลือรัสเซียเท่านั้น แต่เราควรให้ความสำคัญกับคำเตือนเพื่อความปลอดภัย”
ขณะที่เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา (19 พฤศจิกายน) ยูเครนได้ใช้ขีปนาวุธ ATACMS โจมตีคลังอาวุธในรัสเซีย ซึ่งถือเป็นครั้งแรกที่สหรัฐฯ อนุญาตให้ใช้ขีปนาวุธนี้โจมตีเป้าหมายในรัสเซียได้ โดยรัสเซียระบุว่าการโจมตีดังกล่าวเป็นการยกระดับสงคราม ขณะที่หน่วยข่าวกรองของยูเครนกล่าวหารัสเซียว่าเผยแพร่ข้อความปลอมเพื่อสร้างความหวาดกลัวในหมู่ประชาชน
อย่างไรก็ตาม สงครามที่ยืดเยื้อมาถึงวันครบรอบ 1,000 วันยังคงตึงเครียด โดยทั้งสองฝ่ายได้เพิ่มระดับความรุนแรงในปฏิบัติการ และรัสเซียยังคงใช้โดรนและขีปนาวุธโจมตีเป้าหมายภายในยูเครนอย่างต่อเนื่อง
ภาพ: Thomson Reuters / Reuters
อ้างอิง: