กระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ เปิดเผยรายงานตัวเลขเศรษฐกิจของประเทศ พบว่า เศรษฐกิจสหรัฐฯ หดตัวราว 1.5% ในช่วงไตรมาสแรกของปี 2022 ซึ่งสูงกว่าตัวเลขที่ทางกระทรวงคาดการณ์ไว้เมื่อเดือนที่แล้วว่าจะมีการหดตัวที่ 1.4%
รายงานระบุว่า การหดตัวทางเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ในครั้งนี้ ถือเป็นครั้งแรกที่เกิดขึ้นนับตั้งแต่ไตรมาสที่ 2 ของปี 2020 ที่เศรษฐกิจสหรัฐฯ เผชิญกับภาวะถดถอยเพราะการระบาดของไวรัสโควิด-19 ก่อนที่จะสามารถพลิกกลับมาขยายตัวได้ถึง 6.9% ในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีที่แล้วได้
อย่างไรก็ตาม บรรดานักวิเคราะห์ประเมินว่า การหดตัวทางเศรษฐกิกของสหรัฐฯ ครั้งล่าสุดนี้ไม่ได้เป็นสัญญาณเตือนภาวะถดถอยทางเศรษฐกิจรอบใหม่ เนื่องจากกำลังการบริโภคในภาคธุรกิจและภาคประชาชนยังคงคึกคัก
นักวิเคราะห์มองว่า การหดตัวครั้งนี้เป็นผลจากช่องว่างทางการค้าที่ขยายห่างมากขึ้นด้วยการนำเข้าที่มากกว่าส่งออก จนทำให้ GDP ไตรมาสแกของปีนี้หายไปถึง 3.2%
ทั้งนี้ เมื่อประเมินสถานการณ์เศรษฐกิจโดยรวมแล้ว ทีมนักวิเคราะห์เชื่อว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ น่าจะสามารถพลิกฟื้นกลับมาขยายตัวได้อีกครั้งในช่วงไตรมาสที่ 2 ของปีนี้ แต่ก็มีประเด็นเงินเฟ้อที่จะต้องเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิด เพราะเป็นปัจจัยบั่นทอนกำลังการบริโภคของคนในประเทศ โดยแม้ค่าแรงของคนงานทั่วประเทศจะได้รับการปรับขึ้น แต่ด้วยเงินเฟ้อที่พุ่งแตะระดับ 8.3% ในเดือนเมษายนที่ผ่านมา เงินเดือนที่ปรับขึ้นมาส่วนใหญ่ยังไม่มากพอที่จะช่วยชดเชยผลกระทบจากค่าเงินเฟ้อได้
ขณะเดียวกัน ปัจจัยความไม่แน่นอนด้านสงครามความขัดแย้งในยูเครน ที่ทำให้เกิดปัญหาด้านการผลิตอาหารและการหยุดชะงักในภาคพลังงาน บวกกับนโยบาย Zero-COVID ที่คุมเข้มของจีน ซึ่งทำให้เกิดคอขวดในห่วงโซ่อุปทาน ถือเป็นความเสี่ยงที่จะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจสหรัฐฯ นับจากนี้
วันเดียวกัน ทางด้าน Apple ผู้ผลิต iPhone เปิดเผยว่า บริษัทมีแผนที่จะเพิ่มค่าจ้างขั้นต่ำสำหรับพนักงานที่เริ่มต้นทำงานกับทาง Apple ในสหรัฐฯ
แถลงการณ์ของ Apple ระบุว่า ค่าแรงขั้นต่ำสำหรับพนักงานจะเพิ่มขึ้นเป็น 22 ดอลลาร์สหรัฐต่อชั่วโมง ซึ่งเพิ่มขึ้นจากปี 2018 ถึง 45% โดยแจ้งแก่พนักงานบางส่วนแล้วว่า การตรวจสอบประจำปีของพนักงานเหล่านั้นจะเลื่อนออกไปภายใน 3 เดือน และค่าจ้างใหม่จะมีผลในต้นเดือนกรกฎาคม
นอกจากนี้ Alibaba ยักษ์ใหญ่อีคอมเมิร์ซของจีน เปิดเผยรายงานรายได้และยอดขายของบริษัทไตรมาสล่าสุดที่พบว่าเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้าถึง 9% มากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ ส่งผลให้หุ้น Alibaba เมื่อวานนี้ปรับตัวเพิ่มขึ้นเกือบ 15% ของการซื้อขายในตลาดรอบเช้า
ทั้งนี้ แม้จะเผชิญกับการล็อกดาวน์ แต่การใช้จ่ายของชาวจีนโดยเฉพาะบนโลกออนไลน์ไม่ได้แผ่วลงแม้แต่น้อย ความต้องการซื้อสินค้าออนไลน์และผ่านสมาร์ทโฟนเพิ่มขึ้นอย่างมาก บวกกับยอดขายจากบริการคลาวด์ขนาดใหญ่จาก Alibaba Cloud ที่ 12% ทำให้ภาพรวมรายได้ของ Alibaba เพิ่มขึ้น
ปัจจุบัน Alibaba มีลูกค้าที่ใช้งานอยู่ในจีนมากกว่า 1,000 ล้านราย นับเป็นครั้งแรกที่บริษัทมีจำนวนผู้ใช้งานเกินเป้าที่ตั้งไว้ ขณะเดียวกันก็มีลูกค้ามากกว่า 1,300 ล้านรายทั่วโลก
อ้างอิง: