ตัวเลขเศรษฐกิจไตรมาสล่าสุดของสหรัฐฯ ‘หดตัว’ อย่างไม่คาดคิด ถือเป็นการหดตัวครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2020 ซึ่งเป็นผลจากการขาดดุลงบประมาณที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง พร้อมกับสินค้าคงคลังที่เพิ่มขึ้นไม่เพียงพอต่อความต้องการของผู้บริโภคและภาคธุรกิจ
โดยกระทรวงพาณิชย์ของสหรัฐฯ ได้เปิดเผยตัวเลขคาดการณ์ในเบื้องต้นว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (Gross Domestic Product: GDP) ของสหรัฐฯ ลดลง 1.4% จากปีก่อน หลังจากการเติบโตขึ้น 6.9% เมื่อปี 2021 ขณะที่การสำรวจความเห็นของนักเศรษฐศาสตร์โดย Bloomberg ก่อนหน้านี้ คาดว่าเศรษฐกิจจะเติบโตได้ 1%
หากมองตัวเลข GDP ที่ออกมานี้ ย่อมสะท้อนการอ่อนตัวลง แต่ในรายละเอียดยังแสดงให้เห็นความแข็งแกร่งในส่วนของความต้องการที่อยู่อาศัย และการลงทุนภาคธุรกิจ
นอกจากนี้ ข้อมูลจากกระทรวงพาณิชย์ระบุว่า การบริโภคส่วนบุคคลยังเติบโตขึ้น 2.7% ในไตรมาสแรก เทียบกับการเติบโต 2.5% เมื่อสิ้นปี 2021 ขณะที่การใช้จ่ายภาคบริการเพิ่มขึ้น 1.86% สวนทางกับการใช้จ่ายสำหรับสินค้าลดลง สะท้อนพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป
Robert Pavlik ผู้บริหารพอร์ตลงทุนอาวุโสของ Dakota Wealth กล่าวว่า ตัวเลขที่ออกมาเป็นผลลัพธ์ของเงินเฟ้อและความกังวลต่อการปรับขึ้นดอกเบี้ย รวมทั้งสะท้อนให้เห็นถึงการฟื้นตัวที่ช้าจากโควิด
“หากมองปัจจัยทั้งหมดนี้เข้าด้วยกัน คงจะเป็นปกติที่จะคาดว่าการหดตัวกำลังเกิดขึ้น แต่ผมประหลาดใจเล็กน้อยที่ตัวเลขหดตัวพอๆ กับที่มันควรจะเป็น แต่ตัวเลขเหล่านี้จะดีขึ้นในอนาคต”
อย่างไรก็ดี ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ณ เวลา 20.45 น. ตามเวลาประเทศไทย ยังคงยืนอยู่ในแดกบวกได้ โดยดัชนี NASDAQ +0.8% S&P 500 +0.6% ขณะที่ดัชนี Dow Jones +0.3%
อ้างอิง:
- https://www.investing.com/news/stock-market-news/nasdaq-futures-jump-2-after-meta-earnings-beat-2812693
- https://www.bloombergquint.com/onweb/u-s-economy-contracted-in-first-quarter-on-surge-in-trade-gap
ช่องทางติดตาม THE STANDARD WEALTH
Twitter: twitter.com/standard_wealth
Instagram: instagram.com/thestandardwealth
Official Line: https://lin.ee/xfPbXUP