ตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) ของสหรัฐฯ ไตรมาส 2 ประกาศออกมาลดลง 0.9% ต่อเนื่องจากไตรมาสแรกที่ลดลง 1.6% ส่งผลให้ในทางทฤษฎีที่ว่า หาก GDP หดตัวลง 2 ไตรมาสติดต่อกัน หมายความว่าเศรษฐกิจจะเข้าสู่ภาวะถดถอยทางเทคนิค (Technical Recession)
อย่างไรก็ตาม ในมุมมองคณะกรรมการของสำนักวิจัยเศรษฐกิจแห่งชาติสหรัฐฯ หรือ NBER อาจไม่ได้มองเช่นนั้น เพราะนอกจากปัจจัยเรื่องการหดตัวของ GDP ต่อเนื่อง 2 ไตรมาสติดกันแล้ว นิยามของ Recession ในมุมมองของ NBER จะต้องเกิดการหดตัวของกิจกรรมทางเศรษฐกิจอย่างมีนัยสำคัญด้วย โดยที่การหดตัวดังกล่าวจะต้องกระทบต่อเศรษฐกิจในหลายส่วนและต่อเนื่องยาวนานอย่างน้อย 2-3 เดือน
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ในความเป็นจริงแล้ว NBER ไม่ได้มองเรื่องของ GDP เป็นปัจจัยหลักเพื่อพิจารณาภาวะ Recession อย่างในปี 2001 NBER ประกาศภาวะ Recession โดยที่ GDP ไม่ได้ลดลง 2 ไตรมาสติดกัน
มาร์ก แซนดี หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ Moody’s Analytics กล่าวว่า เรายังไม่ได้เข้าสู่ภาวะ Recession ในครึ่งปีแรกที่ผ่านมา แต่มีความเสี่ยงมากขึ้นที่เราจะเข้าสู่ Recession ในสิ้นปีนี้
ตัวเลขการจ้างงานที่เพิ่มขึ้น 475,000 ตำแหน่งในปีนี้ เป็นปัจจัยหลักที่ทำให้ NBER ยังไม่ประกาศภาวะ Recession ในขณะนี้ แต่ก็ยังมีปัจจัยอื่นๆ ที่ต้องพิจารณาอีกเช่นกัน
“เราจ้างงานมากเกินไป เรามีการสถิติการปลดพนักงานเป็นสถิติต่ำสุด ขณะที่การใช้จ่ายผู้บริโภค การลงทุนของภาคเอกชน ล้วนแล้วแต่ส่งสัญญาณเชิงบวก ทำให้ผลยังมองไม่เห็นว่า NBER จะประกาศว่าเศรษฐกิจเข้าสู่ภาวะ Recession”
ทั้งนี้ NBER โดยทั่วไปแล้วจะพิจารณาภาวะ Recession จาก 6 ปัจจัย ได้แก่
- รายได้ที่แท้จริงของบุคคลหักออกด้วยรายจ่าย
- ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตร
- ตัวเลขการจ้างงานจากการเก็บสถิติของสำนักงานสถิติแรงงานสหรัฐฯ
- รายจ่ายการบริโภคที่แท้จริง
- ยอดขายที่ปรับด้วยความผันผวนของราคา
- การผลิตภาคอุตสาหกรรม
ทิม ควินแลน นักเศรษฐศาสตร์อาวุโส Wells Fargo กล่าวว่า การนิยาม Recession เป็นสิ่งที่ไม่ง่าย และเป็นอะไรที่มากกว่าการพูดถึงช่วงเวลาขาลง แต่เป็นการมองถึงความลึกและความกว้างของผลกระทบที่เกิดขึ้นต่อเศรษฐกิจ
ขณะที่ ซีมา ชาห์ หัวหน้านักกลยุทธ์ Principal Global Investors กล่าวว่า แม้ว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ จะหดตัว 2 ไตรมาสติดต่อกัน ซึ่งสะท้อนถึงการเกิด Technical Recession แต่ข้อมูลเศรษฐกิจอื่นๆ ยังไม่ได้สะท้อนถึงการเกิด Recession แต่อย่างใด
อย่างไรก็ตาม ความเสี่ยงในเรื่องของ Recession ยังไม่ได้หมดไป ด้วยอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้น พร้อมกับเงินเฟ้อที่สูงต่อเนื่อง รวมทั้งอารมณ์ของผู้คนและนักธุรกิจ สะท้อนให้เห็นถึงอันตรายที่รออยู่
แซนดี นักเศรษฐศาสตร์ของ Moody’s กล่าวว่า ผู้คนต่างมี Sentiment เชิงลบแบบที่ไม่เคยเห็นมาก่อน ผู้คนคาดว่าเศรษฐกิจจะแย่ลงอีก ภาวะ Recession เป็นเรื่องของการหมดศรัทธา ผู้บริโภคหมดศรัทธาว่าจะมีงานทำ นักธุรกิจหมดศรัทธาว่าจะสามารถขายของได้ ความเสี่ยงยังคงสูงมากจากการที่เราหมดศรัทธาและเดินหน้าเข้าสู่ Recession”
อ้างอิง:
ช่องทางติดตาม THE STANDARD WEALTH
Twitter: twitter.com/standard_wealth
Instagram: instagram.com/thestandardwealth
Official Line: https://lin.ee/xfPbXUP