เควิน แมคคาร์ธี ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐอเมริกา กล่าวว่า ฝ่ายนิติบัญญัติของสหรัฐฯ จะเดินหน้าผลักดันกฎหมายจำกัดการใช้งาน TikTok ต่อไป จากความวิตกกังวลที่ว่าแอปพลิเคชันดังกล่าวอาจส่งผลกระทบต่อความมั่นคงแห่งชาติ เนื่องจากรัฐบาลจีนอาจสามารถเข้าถึงข้อมูลผู้ใช้ของ TikTok ได้ผ่านการขอข้อมูลจากบริษัท ByteDance ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของ TikTok
แมคคาร์ธีทวีตข้อความว่า “สภาผู้แทนราษฎรจะเดินหน้าผลักดันกฎหมายเพื่อปกป้องชาวอเมริกันจากเทคโนโลยีที่มาจากพรรคคอมมิวนิสต์จีน”
ความเคลื่อนไหวดังกล่าวมีขึ้นหลังเกิดกระแสเรียกร้องให้มีการแบน TikTok ในสหรัฐฯ พร้อมทั้งเรียกร้องให้ผ่านร่างกฎหมายเพื่อให้อำนาจฝ่ายบริหารของรัฐบาลโจ ไบเดน ในการแบนการใช้งานแอปดังกล่าวทั่วประเทศ หลังจากที่ก่อนหน้านี้รัฐบาลสหรัฐฯ มีคำสั่งห้ามติดตั้งแอปดังกล่าวเฉพาะในอุปกรณ์ของหน่วยงานรัฐ
เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา โจวโซ่วจือ ซีอีโอของ TikTok ได้เข้าให้การต่อคณะกรรมาธิการด้านพลังงานและพาณิชย์ของสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ เป็นเวลากว่า 5 ชั่วโมง ขณะที่เขาถูก ส.ส. จากทั้งพรรคเดโมแครตและรีพับลิกันโจมตีอย่างหนักจากประเด็นที่ว่ารัฐบาลจีนอาจเข้ามามีอิทธิพลเหนือแอปนี้ อีกทั้งยังกล่าวด้วยว่า TikTok เป็นตัวการทำลายสุขภาพจิตของเด็กๆ โดยปัจจุบันยอดผู้ใช้งานชาวอเมริกันอยู่ที่ราว 150 ล้านคนด้วยกัน
แมคคาร์ธีทวีตข้อความเพิ่มเติมด้วยว่า “เป็นเรื่องน่ากังวลอย่างยิ่งที่ซีอีโอของ TikTok ไม่สามารถพูดอย่างตรงไปตรงมา และยอมรับในเรื่องที่เรารู้กันอยู่แล้วว่าเป็นความจริง นั่นคือจีนสามารถเข้าถึงข้อมูลผู้ใช้ TikTok ได้”
ทั้งนี้ ซีอีโอของ TikTok ระบุว่า บริษัทได้ทุ่มเงินกว่า 1.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เพื่อยกระดับการรักษาความปลอดภัยทางข้อมูลภายใต้โครงการที่ชื่อว่า Project Texas ซึ่งปัจจุบันมีพนักงานประจำเกือบ 1,500 คนที่ทำงานตรงนี้ และได้ทำสัญญากับ Oracle Corp เพื่อจัดเก็บข้อมูลของผู้ใช้งานในสหรัฐฯ ด้วย
อย่างไรก็ตาม ยังมีประชาชนอีกจำนวนไม่น้อยที่ไม่เห็นด้วยกับการแบน TikTok โดยหลังจากที่โจวโซ่วจือขึ้นให้การต่อสภาคองเกรส บรรดาผู้ใช้งานในสหรัฐฯ ก็ได้ตัดต่อคลิปวิดีโอตลกๆ เพื่อล้อเลียนโมเมนต์ดังกล่าว ขณะที่ผู้ใช้งานซึ่งเป็นคนรุ่นใหม่ได้โพสต์ข้อความว่า “นี่เป็นสิ่งที่ Boomer สุดๆ เท่าที่เคยเห็นมาเลย” ซึ่งเป็นการประชดประชันว่าแนวคิดดังกล่าวนั้นล้าสมัยอย่างมาก ขณะเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาก็มีประชาชนบางส่วนได้รวมตัวกันที่หน้าอาคารรัฐสภาสหรัฐฯ เพื่อประท้วงไม่ให้ทางการสั่งแบนแอปนี้อีกด้วย
แฟ้มภาพ: Alex Wong / Getty Images
อ้างอิง: