แคโรไลน์ ลีวิตต์ (Karoline Leavitt) โฆษกทำเนียบขาว ประกาศว่าสหรัฐฯ เตรียมเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนสูงถึง 104% โดยจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่เวลา 00.01 น. ของวันที่ 9 เมษายน ตามเวลาท้องถิ่น
การยืนยันเรียกเก็บภาษีในอัตราดังกล่าว มีขึ้นหลังจากที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศคำขู่ผ่าน Truth Social ว่าจะเพิ่มอัตราภาษีศุลกากรตอบโต้ต่อสินค้าจีนอีก 50% หากจีนไม่ยกเลิกการขึ้นภาษีโต้กลับ 34% ภายในเที่ยงวานนี้
โดยก่อนหน้านี้ ทรัมป์กำหนดภาษีศุลกากรตอบโต้สำหรับจีนที่ 34% เพิ่มจาก 20% ที่บังคับใช้ไปเมื่อเดือนมีนาคม ซึ่งการเพิ่มอัตราภาษีอีก 50% ส่งผลให้สินค้าจากจีนที่นำเข้าสหรัฐฯ ต้องเสียภาษีสูงถึง 104%
ขณะที่จีนประณามคำขู่ของทรัมป์ ว่าเป็นการแบล็กเมลและเป็นการ ‘ทำผิดพลาดซ้ำแล้วซ้ำเล่า’ พร้อมยืนยันจะ ‘ต่อสู้จนถึงที่สุด’ ซึ่งกระทรวงพาณิชย์จีนให้คำมั่นว่า จะเพิ่มการตอบโต้ต่อสินค้าส่งออกของสหรัฐฯ
การประกาศขึ้นภาษีสินค้าจีนในอัตราดังกล่าว ส่งผลให้ดัชนีหุ้นในตลาดหุ้นสหรัฐฯ ร่วงลง โดยปิดตลาดในแดนลบ ดัชนีดาวโจนส์ร่วงลง 320 จุด หรือ 0.84% ดัชนี S&P 500 ลดลง 1.57% ดัชนี Nasdaq Composite ซึ่งเน้นกลุ่มเทคโนโลยี ร่วงลง 2.15%
โดยก่อนหน้านี้ ตลาดหุ้นทั่วโลกปรับตัวสูงขึ้น จากความหวังว่าทรัมป์ จะเจรจาลดกำแพงภาษีกับหลายประเทศ โดยรัฐบาลวอชิงตันได้กำหนดการเจรจากับเกาหลีใต้และญี่ปุ่น และนายกรัฐมนตรีจอร์เจีย เมโลนีของอิตาลี มีกำหนดเดินทางเยือนสหรัฐฯ ในสัปดาห์หน้า
ชี้จีนตัดสินใจพลาด
ลีวิตต์กล่าวว่า ท่าทีของจีนที่เลือกจะขึ้นภาษีโต้กลับนั้นเป็นการตัดสินใจที่ผิดพลาด และชี้ว่าภาษีศุลกากรตอบโต้ของทรัมป์ ที่กำหนดต่อประเทศต่างๆ ประมาณ 90 ประเทศนั้น ถูกออกแบบมาเพื่อให้มีการเปิดการเจรจากับพันธมิตรทางการค้าของสหรัฐฯ
“ให้ประเทศต่างๆ ทั่วโลกนำข้อเสนอที่ดีที่สุดของคุณมาให้เรา แล้วเขา (ทรัมป์) จะรับฟัง ข้อตกลงจะเกิดขึ้นก็ต่อเมื่อเป็นประโยชน์ต่อแรงงานชาวอเมริกันเท่านั้น”
เธอกล่าวเสริมว่า ตอนนี้มีประเทศต่างๆ กว่า 70 ประเทศได้ติดต่อทำเนียบขาวเพื่อเริ่มการเจรจา และคาดว่าจะมีการลดอัตราภาษีศุลกากรที่กำหนดไว้ เพื่อแลกกับข้อเสนอที่ทรัมป์เห็นว่าเป็นประโยชน์ต่อสหรัฐฯ
ขณะที่เธอย้ำถึง ‘ความเชื่อมั่นอย่างแน่วแน่’ ของทรัมป์ว่า “สหรัฐฯ จำเป็นต้องให้ความสำคัญกับการนำภาคการผลิตกลับคืนสู่ประเทศ”
“ประธานาธิบดีทรัมป์มีความแข็งแกร่งและจะไม่ท้อถอย อเมริกาที่แข็งแกร่งไม่สามารถพึ่งพา อาหาร ยา และแร่ธาตุสำคัญจากต่างประเทศเพียงอย่างเดียวได้”
ภาพ: Carlos Barria / Reuters
อ้างอิง: