เช้าวันที่ 12 พฤษภาคม ราคาทองคำในตลาดเอเชียร่วงลงอย่างมีนัยสำคัญ สะท้อนถึงความเชื่อมั่นของนักลงทุนที่มีต่อแนวโน้มเศรษฐกิจโลก หลังจากสหรัฐฯ และจีนส่งสัญญาณถึงความคืบหน้าในการเจรจาทางการค้า ทำให้ลดความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์
ส่วนราคาทองคำแท่งร่วงลงสูงสุดถึง 1.8% ในการซื้อขายในเอเชีย แตะระดับประมาณ 3,265 ดอลลาร์ต่อทรอยออนซ์ ในการซื้อขายช่วงต้นวันจันทร์ที่ผ่านมา และปรับตัวขึ้นถึง 2.6% ในสัปดาห์ก่อนหน้า แน่นอนว่าความเคลื่อนไหวนี้เกิดขึ้นหลังจากทั้งสองชาติเศรษฐกิจขนาดใหญ่รายงานผลการเจรจาเชิงสร้างสรรค์ที่สวิตเซอร์แลนด์ แม้ยังไม่มีมาตรการประกาศออกมาอย่างชัดเจนก็ตาม
อีกหนึ่งปัจจัยที่กระทบต่อราคาทองคำ คือการแข็งค่าของค่าเงินดอลลาร์ ส่งผลให้ทองคำมีราคาสูงขึ้นในสายตาผู้ซื้อที่ถือเงินสกุลอื่น โดยนักลงทุนบางส่วนได้ลดการถือครองทองคำ โดยเฉพาะกองทุนเฮดจ์ฟันด์ที่ลดสถานะซื้อลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบหนึ่งปี
สำหรับราคาทองคำในประเทศไทยวันนี้ (12 พ.ค.) ปรับตัวลดลง 700 บาทต่อบาททองคำ โดยทองคำแท่ง ราคารับซื้ออยู่ที่ 51,150 บาทต่อบาททองคำ และขายออกอยู่ที่ 51,250 บาทต่อบาททองคำ
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
นิค ทวิดเดล หัวหน้านักวิเคราะห์ตลาดของ AT Global Markets กล่าวว่า ความเคลื่อนไหวดังกล่าวสะท้อนถึงความเชื่อมั่นต่อความคืบหน้าในการเจรจาการค้าระหว่างสองมหาอำนาจทางเศรษฐกิจ ซึ่งเราจำเป็นต้องเห็นรายละเอียดเชิงรูปธรรมในการเจรจาครั้งถัดไปก่อน ถึงจะสามารถประเมินแนวโน้มราคาทองคำได้ชัดเจนขึ้น พร้อมระบุว่าราคาทองคำอาจร่วงลงสู่ระดับ 3,100 ดอลลาร์ต่อทรอยออนซ์
แม้ราคาทองคำจะเผชิญแรงกดดันในระยะสั้น แต่ผู้เชี่ยวชาญบางรายเชื่อว่าระดับราคาที่ต่ำกว่า 3,200 ดอลลาร์ อาจเป็นจุดรองรับที่แข็งแกร่ง และหากราคาลงมาใกล้หรือแตะระดับ 3,200 ดอลลาร์นั้น อาจเปิดโอกาสให้ราคาทองคำเคลื่อนไหวขึ้นอีกครั้ง อีกทั้งราคาทองคำยังได้รับแรงหนุนในระยะกลาง จากการซื้อสะสมของธนาคารกลางและการเก็งกำไรของนักลงทุนรายย่อยในจีน
อย่างไรก็ตาม ความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ที่เริ่มผ่อนคลาย ทำให้นักลงทุนยังคงติดตามความเคลื่อนไหวของสหรัฐฯในบทบาทกลางในการผลักดันสันติภาพในยูเครน หลัง โวโลดิเมียร์ เซเลนสกี ประธานาธิบดี เชิญชวนผู้นำรัสเซียเข้าร่วมโต๊ะเจรจาเมื่อไม่นานมานี้
ภาพ: FOTOGRIN / Shutterstock
อ้างอิง: