นริศ สถาผลเดชา เจ้าหน้าที่บริหารศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจทีเอ็มบี (TMB Analytics) เปิดเผยกับ THE STANDARD ว่าเมื่อสหรัฐฯ และจีนตกลงเจรจาการค้าเฟส 1 ทำให้ตลาดมองภาพที่ดีขึ้นว่าการค้าโลกที่ชะลอตัวจะผ่านจุดแย่ที่สุดแล้ว ทำให้ปีนี้ทาง TMB Analytics มองว่าการส่งออกของไทยปี 2563 จะกลับมาเติบโต 1.2% จากปีก่อน ขณะที่ก่อนหน้านี้ประเมินว่าการส่งออกไทยจะทรงตัวหรือเติบโตเพียง 0.5% เท่านั้น
ทั้งนี้หากสหรัฐฯ-จีนมีการตกลงเจรจาการค้าเฟส 2 เกิดขึ้นภายใต้เงื่อนไขที่ไม่มีการกีดกันทางการค้า และเป็นการเจรจาที่ส่งผลดีกับทุกฝ่าย เพราะที่ผ่านมาเห็นภาพเศรษฐกิจโลกชะลอตัวลงแล้ว
อย่างไรก็ตาม ยังมีความเสี่ยงจาก โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ที่อาจจะดึงนโยบายชาตินิยมกลับมาเพื่อดึงคะแนนเสียงทางการเมือง เช่น การปลุกกระแสชาตินิยมผ่านสงครามการค้า ซึ่งที่ผ่านมาทางการจีนไม่มีการตอบโต้มากนัก และพร้อมเจรจาให้ชัดเจน
“ถ้าปีนี้ไม่มีการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ คาดว่าการเจรจากรณีสงครามการค้าน่าจะจบลงแล้ว”
ทั้งนี้เมื่อความเสี่ยงจากสงครามการค้าลดลง การส่งออกเพิ่มขึ้น หากส่งผลดีต่อเศรษฐกิจไทยให้ดีขึ้นอาจเป็นโอกาสให้เงินบาทอ่อนค่าลง โดยสถานการณ์ที่ค่าเงินบาทเป็น Safe Haven จะเสื่อมคลายลง เพราะปี 2562 ที่ผ่านมาเป็นเงินไหลออกจากหุ้นและพันธบัตรสุทธิอยู่ที่ 80,000 ล้านบาท
ดังนั้นปี 2563 อาจจะเห็นเงินทุนไหลกลับเข้าประเทศไทย ทำให้เงินบาทอ่อนค่าลง ขณะเดียวกันหากครึ่งปีหลังมีการนำเข้ามากขึ้น (จากการสนับสนุนผ่านมาตรการรัฐ) จะช่วยดันให้เงินบาทอ่อนค่าลง ทั้งนี้คาดว่าค่าเงินบาทจะเคลื่อนไหวระหว่าง 30.10-30.30 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ และช่วงครึ่งปีหลังคาดว่าค่าเงินบาทมีโอกาสไปถึง 31 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ
อ่านข่าวเพิ่มเติมได้ที่ thestandard.co/trump-deal/
พิสูจน์อักษร: ภาสิณี เพิ่มพันธุ์พงศ์