สหรัฐอเมริกาประกาศห้ามการเดินทางจากอินเดีย มีผลตั้งแต่วันอังคารที่ 4 พฤษภาคมนี้ หวังสกัดโควิด-19 สายพันธุ์จากอินเดียที่เชื่อว่าเป็นสาเหตุของวิกฤตการระบาดในอินเดียเวลานี้ โดยสถานการณ์โควิด-19 ในอินเดียกำลังอยู่ในขั้นวิกฤต ท่ามกลางจำนวนผู้ติดเชื้อที่พุ่งสูงต่อเนื่อง
เจน ซากี โฆษกทำเนียบขาว ระบุในแถลงการณ์ว่า ฝ่ายบริหารของประธานาธิบดีโจ ไบเดน ตัดสินใจดังกล่าวตามคำแนะนำของศูนย์ควบคุมและป้องกันโรค (CDC)
โดยในขณะที่จำนวนผู้ติดเชื้อและเสียชีวิตจากโควิด-19 ลดลงในสหรัฐอเมริกา เนื่องจากชาวอเมริกันหลายล้านคนได้รับการฉีดวัคซีนในแต่ละวัน แต่จำนวนผู้ป่วยและผู้เสียชีวิตจากโควิด-19 ในอินเดียกลับพุ่งสูงทำนิวไฮรายวัน
อินเดียรายงานยอดผู้เสียชีวิตจากโควิด-19 สูงทำสถิติในวันพุธและพฤหัสบดีที่ผ่านมา โดยมีผู้เสียชีวิตจากโควิด-19 เฉลี่ย 3,050 คนต่อวัน ตามข้อมูลที่รวบรวมโดยมหาวิทยาลัยจอห์นส์ฮอปกินส์ ขณะที่รายงานของสื่อหลายสำนักระบุว่าตัวเลขทางการนั้นต่ำกว่าความเป็นจริง
ข้อมูลจากมหาวิทยาลัยจอห์นส์ฮอปกินส์ ยังเผยด้วยว่า อินเดียรายงานจำนวนผู้ป่วยรายใหม่เฉลี่ย 357,000 รายต่อวันในช่วง 7 วันที่ผ่านมา เพิ่มขึ้นประมาณ 26% จากสัปดาห์ที่แล้ว
ทั้งนี้ อินเดียกำลังต่อสู้กับสายพันธุ์โควิด-19 ที่มีการแพร่กระจายอย่างรวดเร็วและเป็นวงกว้าง หรือที่เรียกว่าสายพันธุ์ B.1.617 ซึ่งพบครั้งแรกในอินเดีย และเชื่อกันว่าเป็นต้นตอของการระบาดระลอกล่าสุดในประเทศ โดยปัจจุบันเริ่มมีการตรวจพบสายพันธุ์นี้ในประเทศอื่นๆ แล้ว ซึ่งรวมถึงสหรัฐอเมริกา
ปัจจุบันมีเที่ยวบินตรงระหว่างสหรัฐฯ กับอินเดียเพียงไม่กี่เที่ยวบิน โดย United Airlines เป็นสายการบินรายใหญ่รายเดียวของสหรัฐฯ ที่ให้บริการเที่ยวบินตรงระหว่างสองประเทศ โดยมีเที่ยวบินไปยังอินเดียวันละ 4 เที่ยวบิน ขณะที่ Air India ให้บริการเที่ยวบินในจำนวนที่ใกล้เคียงกัน
อย่างไรก็ดี แหล่งข่าววงในเผยกับ CNBC ว่า คำสั่งห้ามเดินทางครั้งนี้ไม่ได้มุ่งเป้าไปที่การสั่งห้ามเที่ยวบิน แต่มุ่งจำกัดผู้เดินทางที่ไม่ใช่พลเมืองสหรัฐฯ หรือผู้อยู่อาศัยถาวรที่เพิ่งเดินทางไปอินเดีย
ภาพ: Drew Angerer / Getty Images
พิสูจน์อักษร: ลักษณ์นารา พักตร์เพียงจันทร์
อ้างอิง: