ธนาคารที่ใหญ่ที่สุด 6 แห่งของสหรัฐฯ ถอนตัวออกจากกลุ่มธนาคารทั่วโลกที่มีเป้าหมาย Net Zero ก่อน โดนัลด์ ทรัมป์ ซึ่งมีแนวนโยบายหนุนเชื้อเพลิงฟอสซิล จะกลับมาเป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯ สมัยที่ 2
โดย JPMorgan เป็นธนาคารล่าสุดที่ถอนตัวออกจากกลุ่มพันธมิตรธนาคารที่มีเป้าหมายปล่อยคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero Banking Alliance: NZBA) ที่ได้รับการสนับสนุนจากสหประชาชาติ (UN) เมื่อวันที่ 7 มกราคมที่ผ่านมา
นับเป็นธนาคารใหญ่ของสหรัฐฯ แห่งที่ 6 ที่ออกจากกลุ่มดังกล่าวต่อจาก Citigroup, Bank of America, Morgan Stanley, Wells Fargo และ Goldman Sachs
ทั้งนี้ กลุ่ม NZBA เป็นกลุ่มที่ได้ให้คำมั่นว่าจะปรับกิจกรรมการให้สินเชื่อ การลงทุน และตลาดทุน ให้สอดคล้องกับเป้าหมายลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ภายในปี 2050 หรือเร็วกว่านั้น
โดยปัจจุบัน NZBA ยังคงมีธนาคาร 141 แห่งเป็นสมาชิก ซึ่งรวมถึงธนาคารที่ใหญ่ที่สุดของยุโรปทั้งหมด
นักวิเคราะห์กล่าวว่า การถอนตัวดังกล่าวเป็นความพยายามที่จะป้องกันตัวเองจากการโจมตีของนักการเมืองฝ่ายขวาสหรัฐฯ ซึ่งคาดว่าจะทวีความรุนแรงขึ้นหลังทรัมป์สาบานตนเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีคนที่ 47 ของประเทศในวันที่ 20 มกราคมนี้
“การที่ธนาคารใหญ่ๆ ของสหรัฐฯ เหล่านี้ออกจาก NZBA อย่างกะทันหัน เป็นความพยายามเพื่อหลีกเลี่ยงการวิพากษ์วิจารณ์จากทรัมป์และพวกพ้องที่ปฏิเสธปัญหาการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ” Paddy McCully นักวิเคราะห์อาวุโสจากกลุ่มหาเสียง Reclaim Finance กล่าว
พร้อมทั้งระบุอีกว่า “ไม่กี่ปีที่ผ่านมา เมื่อการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศเป็นหัวข้อสำคัญในวาระทางการเมือง ธนาคารต่างๆ ต่างก็กระตือรือร้นที่จะอวดอ้างถึงคำมั่นสัญญาของตนในการดำเนินการเกี่ยวกับสภาพภูมิอากาศ แต่ตอนนี้ที่ลูกตุ้มทางการเมืองแกว่งไปในทิศทางตรงกันข้าม การดำเนินการเกี่ยวกับสภาพภูมิอากาศก็ดูไม่สำคัญอีกต่อไปสำหรับแบงก์วอลล์สตรีท”
ทั้งนี้ ระหว่างหาเสียง ทรัมป์สัญญาว่าจะผ่อนคลายการกำกับอุตสาหกรรมพลังงาน ยกเลิกกฎเกณฑ์ด้านสิ่งแวดล้อม และขุดเจาะน้ำมันมากขึ้น
Citigroup เป็นหนึ่งในสมาชิกผู้ก่อตั้งของ NZBA โดยโฆษกของธนาคารกล่าวว่า การตัดสินใจที่จะถอนตัวของ Citigroup จะทำให้บริษัทสามารถมุ่งเน้นไปที่การแก้ไขอุปสรรคในการระดมทุนสู่ตลาดเกิดใหม่ เพื่อสนับสนุนการเปลี่ยนผ่านสู่คาร์บอนต่ำได้”
พร้อมระบุว่า “เรายังคงมุ่งมั่นที่จะบรรลุเป้าหมายการปล่อยคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์ และยังคงโปร่งใสเกี่ยวกับความคืบหน้าของเราต่อไป” โฆษกของ Citigroup กล่าว
ด้าน JPMorgan กล่าวในแถลงการณ์ว่า จะทำงานอย่างอิสระเพื่อส่งเสริมผลประโยชน์ของบริษัท ลูกค้า และผู้ถือหุ้น ขณะที่ยังคงมุ่งเน้นไปที่โซลูชันที่เป็นรูปธรรม เพื่อช่วยส่งเสริมเทคโนโลยีคาร์บอนต่ำไปพร้อมๆ กับความมั่นคงด้านพลังงาน”
โฆษกของ Goldman Sachs กล่าวว่า ธนาคารมุ่งเน้นต่อมาตรฐานที่เข้มงวดยิ่งขึ้น และยืนกรานว่าธนาคารก้าวหน้าอย่างมากในเป้าหมายสุทธิเป็นศูนย์
Wells Fargo แสดงความคิดเห็นเพียงเพื่อยืนยันการถอนตัวจากพันธมิตร ขณะที่ Bank of America และ Morgan Stanley ยังไม่ตอบสนองต่อคำขอแสดงความคิดเห็น
Toby Kwan ผู้จัดการอาวุโสของ Carbon Trust กล่าวว่า การถอนตัวของธนาคารออกจาก NZBA อาจทำให้ธนาคารมีความยืดหยุ่นมากขึ้นในการตัดสินใจว่าจะรวมภาคส่วนใดไว้ในเป้าหมาย รวมถึงกรอบเวลาที่เข้มงวดน้อยลงในการดำเนินการ
การเป็นสมาชิก NZBA ถูกโจมตีจากนักการเมืองฝ่ายขวาของสหรัฐฯ โดยเมื่อเดือนพฤศจิกายน 2022 กลุ่มรัฐในสหรัฐฯ ที่นำโดยเท็กซัสฟ้อง BlackRock, Vanguard และ State Street ซึ่งเป็นบริษัทจัดการสินทรัพย์ขนาดใหญ่ทั้งหมด เนื่องจากใช้นโยบายสนับสนุนด้านสิ่งแวดล้อมเพื่อลดการพึ่งพาถ่านหิน ซึ่งโจทก์กล่าวหาว่านโยบายดังกล่าวทำให้ราคาพลังงานสูงขึ้น
ล่าสุดเมื่อเดือนธันวาคมที่ผ่านมา คณะกรรมการตุลาการที่นำโดยพรรครีพับลิกันของสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ กล่าวว่า บริษัทการเงินและนักเคลื่อนไหวเพื่อสภาพอากาศสมคบร่วมกันคิดเพื่อ ‘กำหนดเป้าหมาย ESG ที่รุนแรง’ ต่อบริษัทของสหรัฐฯ
Toby Kwan กล่าวอีกว่าการสูญเสียธนาคารสหรัฐฯ 6 แห่งไม่ได้เป็นสัญญาณเตือนความตายของ NZBA แต่อย่างใด “ในขณะที่สถาบันการเงินหลักเหล่านี้ออกจากกลุ่ม ก็ทำให้เกิดคำถามเกี่ยวกับอนาคตของการดำเนินการด้านสภาพภูมิอากาศในภาคการเงิน
ปัจจุบันสมาชิก NZBA ที่เหลือถือว่ายังเป็นส่วนสำคัญของภาคการธนาคารทั่วโลก โดยควบคุมสินทรัพย์ธนาคารทั่วโลกประมาณ 40% หรือ 64 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ ดังนั้นอิทธิพลอันสำคัญนี้ไม่สามารถมองข้ามได้ และสมาชิก NZBA ก็สามารถขับเคลื่อนการเปลี่ยนผ่านสู่เศรษฐกิจ Net Zero ได้
“ด้วยการเสริมความมุ่งมั่นต่อเป้าหมาย NZBA จะทำให้ธนาคารที่เหลือสามารถแสดงให้เห็นว่าพวกเราไม่ได้ใช้การขัดขวางของสหรัฐฯ เป็นข้ออ้างเพื่อรักษาจุดยืนที่อ่อนแอ” Paddy McCully กล่าว
ภาพ: Dan Kitwood / Staff / Getty Images
อ้างอิง: