ตลาดคริปโตเคอร์เรนซีใหญ่เกินกว่าจะปล่อยผ่าน จนรัฐบาลต้องทำอะไรสักอย่าง หลังราคาของ Bitcoin ปรับตัวเพิ่มขึ้นกว่า 20% พาราคาเหรียญคริปโตเคอร์เรนซีอื่นๆ ปรับตัวเพิ่มขึ้นตาม จนทำให้มูลค่าตลาดคริปโตเคอร์เรนซีแตะ 2.3 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ ด้วยเหตุนี้ ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ของสหรัฐฯ ต้องชั่งน้ำหนักในการพิจารณาออกกฎหมายเข้าควบคุม
โดยมีบางนโยบายที่กำลังดำเนินการอยู่ ซึ่งอยู่ภายใต้นโยบายโครงสร้างพื้นฐานของไบเดน ‘Muti-trillion Dollar Infrastructure Package’ ซึ่งมีใจความที่เกี่ยวข้องกับการรายงานภาษีคริปโตเคอร์เรนซีใหญ่
ประกอบกับการสนับสนุนจากรัฐมนตรีการคลังของสหรัฐฯ เจเน็ต เยลเลน ที่กล่าวว่าควรมีการออกกฎหมายเข้าควบคุม Stablecoin เพื่อให้ปลอดภัยต่อนักลงทุนคริปโตเคอร์เรนซีทั้งหลาย โดย Stablecoin นั้นเป็นเหรียญคริปโตเคอร์เรนซีที่มีการค้ำประกันโดยดอลลาร์สหรัฐ เพื่อไว้เป็นสภาพคล่องให้แก่นักลงทุนในการพักเงิน
อย่างไรก็ตาม หัวเรือใหญ่ของทั้งธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) และสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ของสหรัฐฯ ก็ยังคงยืนยันที่จะไม่เดินตามรอยนโยบายของจีนที่ไปถึงขั้นการแบนคริปโตเคอร์เรนซี เพียงแต่เข้าไปควบคุมและกำกับดูแลให้เกิดเสถียรภาพมากขึ้นเท่านั้น
แต่ถึงอย่างนั้นเอง ก็ยังมีกลุ่มนักลงทุนคริปโตเคอร์เรนซีที่ออกมาแสดงความไม่เห็นด้วยในการเข้ามาควบคุมของรัฐบาล โดยอ้างเหตุผลว่า ในระบบของคริปโตเคอร์เรนซีนั้นมีจุดประสงค์หลักเพื่อทำลายตัวกลางอยู่แล้ว เหตุใดยังต้องออกมากำกับดังเช่นระบบการเงินแบบดั้งเดิมอยู่
แม้จะมีกลุ่มผู้ไม่เห็นด้วย แต่ตลาดทุนนั้นชอบความชัดเจน ซึ่งการกระทำดังกล่าวของรัฐบาลสหรัฐฯ ก็นับเป็นการแสดงความชัดเจนและสร้างความเชื่อมั่นให้แก่นักลงทุนได้สำเร็จ ทำให้ภาพรวมตลาดคริปโตเคอร์เรนซีเริ่มมีโมเมนตัมเชิงบวกกลับมาได้อีกครั้ง ดันราคา Bitcoin +1.32% ในช่วง 24 ช่วงโมงที่ผ่านมาแตะ 56,560 ดอลลาร์สหรัฐ
อ้างอิง: