×

5 ข้อเสนอเร่งด่วนถึงรัฐบาล ‘อนุทิน’ ส.อ.ท. ชี้ 4 เดือนแรกต้องเห็นผลงาน Quick Win

20.09.2025
  • LOADING...
เกรียงไกร เธียรนุกุล ประธาน ส.อ.ท. แถลงข้อเสนอเร่งด่วนต่อรัฐบาลอนุทิน

วันนี้ (20 กันยายน) เกรียงไกร เธียรนุกุล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยมุมมองต่อคณะรัฐมนตรี (ครม.) ชุดใหม่ ภายใต้การนำของ อนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ว่า การจัดตั้งรัฐบาลครั้งนี้เป็นการผสมผสานระหว่างนักการเมือง นักวิชาการ ข้าราชการประจำ และผู้บริหารภาคเอกชน ถือเป็นจุดเริ่มต้นสำคัญในการวางทิศทางเศรษฐกิจ อุตสาหกรรม และการลงทุนของประเทศ ท่ามกลางความท้าทายทั้งภายในและต่างประเทศ

 

เกรียงไกรระบุว่า ภาคอุตสาหกรรมให้ความสำคัญกับรัฐบาลชุดนี้อย่างมาก เพราะเป็นช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อของการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ ท่ามกลางการแข่งขันระดับโลกด้านเทคโนโลยี พลังงาน และสิ่งแวดล้อม สิ่งที่ทุกภาคส่วนคาดหวังคือการทำงานที่มีเอกภาพ มีนโยบายชัดเจนและต่อเนื่อง เพื่อยกระดับความสามารถในการแข่งขันของประเทศ

 

จากการหารือกับนายกรัฐมนตรีและคณะเมื่อวันที่ 15 กันยายนที่ผ่านมา เกรียงไกรกล่าวว่า ครม.ชุดใหม่ซึ่งโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเมื่อวันที่ 19 กันยายน เป็นทีมเศรษฐกิจชุดเดิมที่มีแนวทางสอดคล้องกัน ซึ่งระยะเวลา 4 เดือนแรกถือเป็นความท้าทายสูง การทำงานต้องอาศัยความร่วมมือ ความตั้งใจจริง และการทำงานเป็นทีม

ส.อ.ท. ได้เสนอ “5 ข้อเสนอเร่งด่วน” เพื่อให้รัฐบาลนำไปปรับใช้เป็นมาตรการแก้ปัญหาเศรษฐกิจทั้งระยะสั้นและยาว ได้แก่

 

  1. การส่งออกและการจัดซื้อภาครัฐ เร่งสร้างความเข้าใจแก่ผู้ประกอบการเกี่ยวกับหลักเกณฑ์และเงื่อนไขใหม่ของสินค้าที่จะส่งออกไปสหรัฐฯ พร้อมจัดตั้งหน่วยงานเฉพาะกิจเพื่อให้คำปรึกษาเรื่องการคำนวณสัดส่วนมูลค่าการผลิตในประเทศ/ภูมิภาค (RVC) และกำกับดูแลการนำเข้าให้เป็นไปตามกฎหมาย ควบคู่ไปกับการสนับสนุนการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐโดยเน้นสินค้า Made in Thailand เพื่อกระจายเม็ดเงินสู่เศรษฐกิจ สร้างความได้เปรียบให้ผู้ประกอบการไทย และสร้างความเชื่อมั่นแก่นักลงทุน

 

  1. สภาพคล่องและการเข้าถึงเงินทุนของ SMEs ร่วมกับกระทรวงการคลังและกระทรวงพาณิชย์ เพื่อกำหนดมาตรการสนับสนุนผู้ประกอบการ SMEs เข้าถึงแหล่งเงินทุนง่ายขึ้น พร้อมนโยบายซอฟต์โลน ดอกเบี้ยต่ำ และปฏิรูประบบภาษีให้ทันสมัย โปร่งใส และเป็นธรรม

 

  1. โครงสร้างค่าไฟฟ้าและต้นทุนพลังงาน ร่วมกับกระทรวงพลังงานเพื่อปรับโครงสร้างค่าไฟฟ้า ลดต้นทุนพลังงานสำหรับผู้ประกอบการ พร้อมพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงานให้มีเสถียรภาพและเพียงพอต่อความต้องการในอนาคต

 

  1. ปัญหาการค้าชายแดนไทย-กัมพูชา ร่วมกับกระทรวงที่เกี่ยวข้องเพื่อเร่งเจรจาและหามาตรการช่วยเหลือผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบจากการปิดด่าน ทั้งในระยะสั้นและยาว รวมถึงหาช่องทางขนส่งทดแทน

 

  1. การแข็งค่าของเงินบาท ประสานงานระหว่างกระทรวงการคลังและธนาคารแห่งประเทศไทย เพื่อติดตามและจัดการปัญหาการไหลเข้าของเงินผิดปกติ ซึ่งส่งผลให้เงินบาทแข็งค่าเกินปัจจัยพื้นฐาน กระทบต่อการส่งออกไทย

 

นอกจากนี้ ส.อ.ท. มุ่งยกระดับอุตสาหกรรมเป้าหมายใหม่ร่วมกับกระทรวงอุตสาหกรรม ได้แก่ รถยนต์ไฟฟ้า (EV), เศรษฐกิจ BCG (Bio-Circular-Green), ดิจิทัล และเทคโนโลยีชีวภาพ เพื่อเพิ่มมูลค่าการผลิตและสร้างความสามารถแข่งขันในระดับโลก

 

รวมถึงด้านแรงงาน ส.อ.ท. พร้อมร่วมกับกระทรวงแรงงานพัฒนาทักษะฝีมือแรงงานไทยให้สอดคล้องกับความต้องการอุตสาหกรรมยุคใหม่ ทั้งด้านดิจิทัล เทคโนโลยีขั้นสูง และอุตสาหกรรมสีเขียว ตามด้วยด้านเทคโนโลยีดิจิทัล ส.อ.ท. ให้ความสำคัญกับโครงสร้างพื้นฐาน 5G–6G สนับสนุน AI และ IoT พร้อมมาตรการความมั่นคงไซเบอร์ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและความได้เปรียบของภาคธุรกิจ

 

ส่วนด้านนวัตกรรม กระทรวง อว. มีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจด้วย นวัตกรรมมุ่งเป้า โดยใช้จุดแข็งไทย เช่น ความหลากหลายทางชีวภาพ ไปต่อยอดเกษตรสมัยใหม่หรืออัจฉริยะ และพัฒนาวัตถุดิบสู่อุตสาหกรรมเป้าหมาย นอกจากนี้ ยังเน้นการใช้ AI ยกระดับศักยภาพบุคลากรด้วยหลักสูตร Upskill, Reskill และ Newskill เพื่อสร้างกำลังคนคุณภาพ และด้านการตลาดสินค้า ส.อ.ท. เน้นเพิ่มมูลค่าและสร้างความแตกต่างด้วยนวัตกรรมและเทคโนโลยี แทนการแข่งขันด้านราคา เพื่อให้สินค้าของไทยโดดเด่นและแข่งขันได้ในระยะยาว

 

และภาคการท่องเที่ยวและกีฬา ส.อ.ท. เห็นว่า ภาครัฐควรใช้มาตรการประชาสัมพันธ์เชิงรุก ดึงนักท่องเที่ยวกลับมา และส่งเสริมการท่องเที่ยวเมืองรองเพื่อกระจายรายได้ พร้อมปรับโครงสร้างความปลอดภัย ฟื้นฟู High-value Tourism และสนับสนุน MICE เพื่อสร้างรายได้และกระจายเม็ดเงินสู่เศรษฐกิจท้องถิ่น

 

“ใน 4 เดือนแรก ต้องเห็นผลลัพธ์แบบ Quick Win และอีก 4 เดือนถัดมาก็ควรเน้นการประคองให้ต่อเนื่อง สิ่งสำคัญที่สุดคือการแปลงนโยบายเป็นการปฏิบัติอย่างต่อเนื่องและชัดเจน หากรัฐบาลทำได้เช่นนี้ จะช่วยสร้างความเชื่อมั่นแก่นักลงทุน และเสริมความแข็งแกร่งให้เศรษฐกิจไทย” เกรียงไกรกล่าว

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising