ถ้าพูดถึงคอนเทนต์บันเทิงสุดฮอตช่วงนี้ ก็ต้องยกให้กับ Ghost Lab ฉีกกฎทดลองผี และ แปลรักฉันด้วยใจเธอ Part 2 จาก GDH และนาดาวบางกอก ทั้ง 2 ค่ายอยู่ใต้ร่มเดียวกัน แม้เนื้อหาของเรื่องไม่ได้มีความใกล้เคียงกันเลย แต่สำหรับผู้เขียนคิดว่ามันมีจุดร่วมบางอย่างผ่านตัวละครเล็กๆ อย่างบท ‘แม่’ ที่ได้เรียนรู้อะไรบางอย่างจากลูกและปลดล็อกชีวิตให้ก้าวต่อไปข้างหน้า
**บทความนี้เปิดเผยเนื้อหาสำคัญของเรื่อง**
แปลรักฉันด้วยใจเธอ Part 2
นานมาแล้วที่คนอายุมากกว่าจะคิดว่าตัวเองอาบน้ำร้อนมาก่อนต้องรู้มากกว่า แต่ในยุคที่ข้อมูลข่าวสารมีอยู่รอบตัว เด็กรุ่นใหม่คุ้นเคยกับการเสาะแสวงหาความรู้ด้วยตัวเอง ความเชื่อแบบนั้นก็อาจจะไม่ถูกต้องเสมอไป ประสบการณ์มากกว่าอาจจะใช่ แต่รู้มากกว่าหรือเปล่าก็อาจจะไม่ ผู้ปกครองยุคนี้จึงต้องใช้วิธีการ ‘แนะนำ’ แทนการ ‘สั่ง’ และพร้อมจะปรับตัวไปกับลูก ในส่วนนี้หม่าม้าของเต๋ (บิวกิ้น-พุฒิพงศ์ อัสสรัตนกุล) น่าจะเป็นตัวอย่างที่เห็นได้ชัด ผ่านฉากบอกลาเต๋ตั้งแต่อีพีแรกของ แปลรักฉันด้วยใจเธอ Part 2
“กับโอ้เอ๋วดูแลกันให้ดีๆ นะลูก ไม่มีใครบอกอะไรม้าทั้งนั้นแหละ เต๋เป็นลูกม้าทำไมม้าจะไม่รู้ เต๋จะชอบใครทำไมไม่บอกม้าตรงๆ ล่ะ”
“กลัวม้าว่าอะ”
“เต๋ ใช้ชีวิตให้ตัวเองมีความสุขเถอะนะลูก”
คำพูดของหม่าม้าเหมือนการปลดล็อกสกินทองคำให้กับเต๋ แม้มันจะเป็นเรื่องยาก แต่ประโยคนี้เป็นคำพูดที่ชาว LGBTQ อยากให้ยินจากพ่อแม่ผู้ปกครอง ยิ่งด้วยความเป็น ‘หม่าม้า’ ในเรื่องซึ่งเป็นผู้หญิงเชื้อสายจีน เติบโตมากับระบบความเชื่อแบบเก่า อยู่ในโลกที่มีเพียงเพื่อนบ้านในชุมชน ยึดหลักความดีงามผ่านศาสนาและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ และความภาคภูมิใจในชีวิตฝากไว้ที่ลูกชายทั้งสองคน การที่หม่าม้าโอบรับวิถีชีวิตรูปแบบใหม่ก็คงไม่ง่ายเลย ซึ่งนี่ก็คือการปลดล็อกความรู้สึกของหม่าม้าด้วยเหมือนกัน เพราะต่อจากนี้จะมีบทสนทนาดีๆ เกิดขึ้นอีกมากมายระหว่างลูกกับแม่ เพียงแค่ละวางความ ‘ถูกใจ’ เพื่อให้ลูกใช้ชีวิต ‘ถูกทาง’ แบบที่เขาเลือกเอง เอาเข้าจริงเวลาของหม่าม้าบนโลกใบนี้มีเหลือน้อยกว่าเต๋ ชีวิตต่อจากนั้นลูกต้องเป็นคนที่ใช้ต่อไป และท้ายที่สุดคนเป็นพ่อเป็นแม่ก็ขอแค่ลูกมีความสุขไม่ใช่หรือ
แปลรักฉันด้วยใจเธอ Part 2
แปลรักฉันด้วยใจเธอ Part 2
มาถึงเรื่อง Ghost Lab ฉีกกฎทดลองผี ที่ว่าด้วยเรื่องการนำวิทยาศาสตร์มาอธิบายปรากฏการณ์หลังความตาย ซึ่งถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่าไปไม่สุดสักทาง แต่สำหรับผู้เขียนคิดว่าแกนหลักของเรื่องนี้คือ ‘การละทิ้งและปล่อยวาง’ ส่วนอื่นๆ เป็นเพียงองค์ประกอบที่ทำให้เนื้อเรื่องสนุกและน่าสนใจขึ้นเท่านั้นเอง ในเรื่องแม้แต่ความรักความผูกพันระหว่างแม่กับลูกบางครั้งก็กลายเป็น ‘ห่วง’ ที่รั้งให้ผ่ายหนึ่งฝ่ายใดไม่กล้าเริ่มต้นใหม่
ตัวละครหมอชีวีหรือวี (ต่อ-ธนภพ ลีรัตนขจร) คือตัวอย่างของการยึดติดไม่ยอมปล่อยวาง ตั้งแต่เรื่อง ‘แม่’ หรือ ‘คุณนาย’ (สู่ขวัญ บูลกุล) ที่เป็นผู้ป่วยนอนติดเตียงซึ่งทำให้เขาใช้ชีวิตอยู่ในวังวนเดิมๆ จนกระทั่งวันหนึ่งที่แม่อาการหนักเข้าขั้นโคม่า เขาก็ยังลังเลที่จะปล่อยแม่ไปหรือรั้งไว้เหมือนเดิม เมื่อตัดสินใจที่จะปล่อยให้แม่ไป แต่ก็ไม่วายคลางแคลงใจต่อการตัดสินใจของตัวเอง จนเป็นต้นเหตุที่ทำให้เกิดการทดลองล้ำเส้นแบบสุดโต่ง
Ghost Lab ฉีกกฎทดลองผี
ในขณะที่หมออาจองหรือหมอกล้า (ไอซ์-พาริส อินทรโกมาลย์สุต) เมื่อฆ่าตัวตายเพื่อการทดลองไปแล้วก็ไม่มีทีท่าว่าจะกลับมา อาจเพราะเห็นวัฏสงสารจากอีกโลกหนึ่งจนคิดจะละวางแล้วทุกอย่าง แต่ก็เป็นหมอวีที่สร้าง ‘ห่วง’ ฉุดให้เพื่อนกลับมา เพราะอยากทำให้การทดลองสำเร็จ อีกนัยหนึ่งก็เพื่อปลดเปลื้องความผิดในใจของเขาเอง การกลับมาครั้งนี้ทำให้หมอกล้าอยากจะปลดล็อกอะไรบางอย่างจนชี้เบาะแสให้หมอวีไปพบน้าก้อยหรือแม่ของหมอกล้า (รัชนี ศิระเลิศ) ที่กำลังค้นหาว่าวิญญาณของลูกอยากจะสื่อสารอะไร จนพบคำตอบผ่าน ‘แกงข่าไก่’
“กล้าเขาคิดว่าน้าขี้กลัว ไม่กล้าทำอะไรสักอย่าง ถ้าแม่คิดว่าแม่ไม่เก่ง แม่จะเลี้ยงลูกคนเดียวได้อย่างไร แม่เลี้ยงลูกให้เป็นหมอได้เลยนะ กับอีแค่แกงข่าไก่ ทำไมไม่เชื่อว่าตัวเองทำอร่อย ขอบใจมากนะวี น้าเข้าใจแล้วว่ากล้าเขาอยากบอกอะไรกับน้า”
Ghost Lab ฉีกกฎทดลองผี
นี่เป็นการปลดล็อกให้ทั้งแม่และหมอกล้าหมดเรื่องค้างคาใจต่อกัน จนทำให้ภาพ ‘ชายหาด’ หรืออีกนัยหนึ่งก็คือ ‘ที่ชอบที่ชอบ’ ของหมอกล้าชัดเจนขึ้นมาอีกครั้ง ก่อนที่หมอวีจะสร้างเงื่อนไขใหม่ จนกระทั่งไปถึงจุดจบแบบเฉียดตายที่ทำให้หมอวีรู้จักละทิ้งและปล่อยวาง เรียนรู้ว่าชีวิตมีทั้งสิ่งที่ควบคุมได้และควบคุมไม่ได้ ผ่านฉากชิงช้าตัวเก่าที่แม่เคยนั่งผุผังไปตามกาลเวลา และปลดเปลื้องทุกอย่างภายในใจเมื่อได้เห็น ‘ใหม่’ (ณิชา-ณัฏฐณิชา ดังวัธนาวณิชย์) แฟนหมอกล้าพร้อมเริ่มต้นชีวิตใหม่ ซึ่งเขาเองก็ควรจะทำเช่นกัน
หนังและซีรีส์สองเรื่องนี้ปล่อยออกมาในเวลาไล่เลี่ยกัน สำหรับผู้เขียนคิดว่าจุดร่วมที่ได้จากทั้งสองเรื่องก็คือ ต่อให้รักแค่ไหน สุดท้ายก็ต้องปล่อย แล้วคุณล่ะ ดูแล้วคิดอย่างไรกันบ้าง
พิสูจน์อักษร: ชนเนตร ลอยครุฑ