ภายหลังจาก อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข พร้อมด้วย นพ.เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข และผู้บริหารกระทรวงสาธารณสุข ร่วมกันแสดงจุดยืน ‘การปลดล็อกกัญชา กัญชง เพื่อใช้ในการดูแลสุขภาพ สร้างเศรษฐกิจ และไม่ใช้ในทางที่ไม่เหมาะสม’
ตั้งแต่วันที่ 9 มิถุนายน 2565 เป็นต้นไป ประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง ระบุชื่อยาเสพติดให้โทษในประเภท 5 พ.ศ. 2565 จะมีผลบังคับใช้ มีผลให้ควบคุมเฉพาะสารสกัดจากพืชกัญชาหรือกัญชงที่มีสาร THC เกินร้อยละ 0.2 เป็นยาเสพติดให้โทษในประเภท 5 ส่งผลให้สามารถนำส่วนต่างๆ ของพืชกัญชา กัญชงมาพัฒนา และแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์อาหาร เครื่องสำอาง และสมุนไพรได้
จากประเด็นในเรื่องของกัญชงและกัญชา เมื่อปีก่อนที่เริ่มต้นเป็นกระแสขึ้นมา ทำให้บริษัทจดทะเบียนหลายแห่งในตลาดหลักทรัพย์ประกาศว่าจะเข้ามามีส่วนร่วมในการเป็นผู้ผลิตหรือแปรรูป และทำให้ราคาหุ้นของหลายบริษัทพุ่งขึ้นตอบรับกันอย่างคึกคัก
ณัฐชาต เมฆมาสิน ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ทรีนีตี้ เปิดเผยว่า ก่อนหน้านี้ธีมกัญชง กัญชา ถูกหยิบขึ้นมาเล่นกันค่อนข้างแรง โดยเฉพาะในหุ้นที่ผู้บริหารออกมาให้ข่าวว่าจะเข้าไปมีส่วนร่วม แต่สิ่งที่ทำให้นักลงทุนผิดหวังคือ จากกระแสในช่วงนั้นมาจนถึงขณะนี้ กระบวนการในการสร้างยอดขายให้เกิดขึ้นยังแทบจะไม่มีนัยสำคัญ
“นักลงทุนน่าจะอยากเห็นอะไรบางอย่างที่จับต้องได้เสียก่อน ต่อให้มีการเปิดเสรีมากขึ้น นักลงทุนไม่น่าจะรอเรื่องข่าวอีกแล้ว แต่จะรอให้เห็นความชัดเจนของรายได้หรือกำไรที่เกิดจากกัญชงกัญชา ซึ่งในไตรมาสแรกที่ผ่านมาผลประกอบการของหลายบริษัทยังผิดไปจากที่คาดไว้ เพราะฉะนั้นประเด็นการเปิดเสรีอย่างเดียวคงไม่ทำให้กระแสเก็งกำไรกลับมาได้”
ทั้งนี้ จากการสำรวจราคาหุ้นของบริษัทที่เคยประกาศว่าจะรุกธุรกิจเกี่ยวเนื่องกับกัญชงและกัญชา ตั้งแต่วันที่ 27-31 พฤษภาคม 2565 พบว่า มีการปรับขึ้นตอบรับบ้างบางส่วน แต่อีกหลายบริษัทก็ไม่ได้ปรับตัวตอบรับมากนัก เช่น RBF +8%, STA +8%, DDD +3.8%, GUNKUL +2.6%, HEMP +1.9%, DOD +0.7% และ KWM -0.7%
