วันนี้ (26 เมษายน) พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา ประธานคณะกรรมการกำหนดแนวทางและยุทธศาสตร์พรรครวมไทยสร้างชาติ และ พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรค นำทีมเศรษฐกิจของพรรคแถลงข่าวเปิดนโยบายหลายชุด โดยใช้ระยะเวลากว่า 2 ชั่วโมง
พล.อ. ประยุทธ์ กล่าวว่า ที่ผ่านมาที่ได้ดำเนินการไปแล้ว ซึ่งปรากฏผลชัดเจนว่าทำให้ประชาชนมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น และสามารถช่วยให้ประชาชนคลายความเดือดร้อนในช่วงวิกฤตไปได้ และพรรคพร้อมเดินหน้าขับเคลื่อนอีกหลายโครงการ เพื่อแก้ไขปัญหาของประเทศ ทั้งระบบเศรษฐกิจมหภาค เพื่อเพิ่มศักยภาพให้ประเทศ และเศรษฐกิจจุลภาค เพื่อแก้ปัญหาปากท้องตลอดจนความเป็นอยู่ของประชาชนทุกกลุ่ม ทุกอาชีพ และทุกช่วงวัย ตั้งแต่แรกเกิดถึงวัยชรา เพราะความเดือดร้อนของประชาชนไม่สามารถรอได้
ทางพรรครวมไทยสร้าวชาติจึงเสนอนโยบายที่ครอบคลุมทั้งด้านเศรษฐกิจและสังคม ที่พร้อมนำพาประเทศไปข้างหน้า และช่วยแบ่งปัญหาและสร้างโอกาสใหม่ๆ ให้ชีวิตและประชาชน เพื่อที่จะช่วยลดความเหลื่มล้ำ สร้างสังคมที่เท่าเทียมให้เกิดขึ้นในประเทศ และจะเป็นการตอบคำถามว่า ประชาชนจะได้อะไรจากนโยบายของพรรครวมไทยสร้างชาติ โดยนโยบายแต่ละด้านมีดังนี้
ด้านลดความเหลื่อมล้ำ สร้างสังคมเท่าเทียม
– เพิ่มรายได้ประเทศไทยปีละ 4 ล้านล้านบาท
– เศรษฐกิจโตปีละ 5%
– รายได้ต่อคนเพิ่มขึ้นปีละ 20,000 บาท
– สร้างงานเพิ่ม 6.25 แสนตำแหน่ง
ด้านการเพิ่มศักยภาพประเทศไทย
พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานที่ทันสมัย
– ตั้งเขตเศรษฐกิจพิเศษ EEC และระเบียงเศรษฐกิจใหม่ 4 ภาค
– เป็นศูนย์กลางภูมิภาค ประตูสู่อาเซียนและจีนตอนใต้
– พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัล
– สร้างความสัมพันธ์กับประเทศต่างๆ
ด้านการช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อยและกระจายเม็ดเงินถึงคนตัวเล็ก
– ไฟฟ้าราคาถูกสำหรับผู้มีรายได้น้อย
– คนละครึ่ง ภาค 2
– เที่ยวด้วยกันเมืองรอง ภาค 2
– เพิ่มเงินสมทบของรัฐให้แรงงานในระบบประกันสังคมมีรายได้ไม่ต่ำกว่าคนละ 10,000 บาทต่อเดือน
ด้านการกระตุ้นเศรษฐกิจฐานราก ช่วยเหลือเกษตรกรและชาวประมง
– นำเข้าน้ำมันสำเร็จรูปเสรี เพื่อลดราคาน้ำมัน
– โครงการโคล้านครอบครัว
– ลดต้นทุนเกษตรกร ช่วยค่าเก็บเกี่ยวไร่ละ 2,000 บาท ไม่เกิน 5 ไร่
– ปุ๋ย ไฟฟ้า และน้ำมัน ราคาถูกสำหรับเกษตรกร
– แก้กฎหมายประมง ดูแลประมงพื้นบ้าน และปรับการทำงานของหน่วยงานของรัฐ ให้ความเป็นธรรม
ด้านการสร้างโอกาสให้คนตัวเล็กด้วยเทคโนโลยีดิจิทัล
– เน็ตประชารัฐ
– พร้อมเพย์ แอปเป๋าตัง และแอปถุงเงิน
– แพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซ
– ดาต้าเซ็นเตอร์และระบบคลาวด์
ด้านการแก้หนี้
– แช่แข็งหนี้สูงสุด 3 ปี ตามเงื่อนไขโครงการ
– แก้กฎหมายเครดิตบูโร ให้ความเป็นธรรมแก่ลูกหนี้
– แก้หนี้นอกระบบและมีที่พึ่งยามยากด้วยกองทุนฉุกเฉินประชาชน
– สมาชิกสหกรณ์ใช้หุ้นสหกรณ์ชำระหนี้สหกรณ์ได้ และใช้เป็นหลักประกันเงินกู้ข้ามเขตสหกรณ์ได้
– แก้หนี้โควิดจบใน 12 เดือน
– แก้หนี้ กยศ. แก้หนี้กองทุนหมู่บ้านและหนี้ภาครัฐด้วยงาน
นอกจากนี้ยังมี
กองทุนฉุกเฉินประชาชน
– วงเงิน 3 หมื่นล้านบาท เป็นที่พึ่งยามลำบากให้ประชาชนปลดพันธนาการเงินนอกระบบ
ประกันสังคมถ้วนหน้าทุกอาชีพ
– คืนเงินสะสมชราภาพ 30% ผู้ประกันตนมาตรา 33
– ข้าราชการเบิกเงินสมทบส่วนตนจาก กบข. ได้ 30%
เข้าถึงบริการด้านสาธารณสุข
– 1 อำเภอ (เขต) 1 โรงพยาบาลวิสาหกิจเพื่อสังคม 1 ศูนย์ผู้สูงอายุ คนพิการ และผู้ป่วยโรคร้ายแรงระยะสุดท้าย
ดูแลกลุ่มเปราะบาง
– เบี้ยผู้สูงอายุคนละ 1,000 บาท เท่ากันทุกช่วงอายุ
– เพิ่มเงินช่วยดูแลบุตรแรกเกิดถึง 10 ปี เดือนละ 1,000 บาท (สำหรับแรงงานในระบบประกันสังคม)
ลดค่าครองชีพ
– นำเข้าน้ำมันสำเร็จรูปเสรี
– ไฟฟ้าราคาถูกสำหรับเกษตรกรและผู้มีรายได้น้อย
– โครงการ ‘แท็กซี่เพื่อสังคม’
– หักลดหย่อนภาษีค่ารักษาพยาบาลตนเองและพ่อแม่สูงสุด 60,000 บาท
– ออมเงินพร้อมหักลดหย่อนภาษีด้วยกองทุน LTF
บัตรสวัสดิการพลัส
– เพิ่มสิทธิ์เดือนละ 1,000 บาทต่อคน
– กู้ฉุกเฉิน 10,000 บาทต่อคน
สร้างโอกาสให้เด็กไทย
– โครงการ ‘อยากเรียนอะไรต้องได้เรียน’
– ทุนการศึกษาอาชีวะ 100 ทุน ต่อ 1 อำเภอ (เขต) ทุนละ 10,000 บาท
– โครงการเรียนจบมีงานทำ
รื้อกฎหมายที่เป็นอุปสรรคการทำกิน
– แก้กฎหมายได้ที่ทำกิน ไม่โดนไล่ที่ ไม่ถูกฟ้อง
– พ.ร.บ.ความสะดวก ลดขั้นตอนทางกฎหมาย 1,100 ขั้นตอน
ลดฝุ่น PM2.5
– ตั้งศูนย์บัญชาการแก้ปัญหามลภาวะเป็นพิษแบบ Single Command รวม PM2.5
– เพิ่มรถเมล์ไฟฟ้า
– ส่งเสริมรถ EV
– ใช้มาตรฐานยูโร 5 กับรถใหม่ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2567
– เพิ่มการใช้พลังงานสะอาด 50%
พัฒนาที่อยู่อาศัย
– ต่อยอดโครงการ ‘บ้านสุขประชา’ มีบ้าน มีงานทำ
– สินเชื่อบ้านล้านหลังสำหรับผู้มีรายได้น้อย เฟส 3
– บ้านมั่นคง ริมคลองเปรมประชากร
– ฟื้นฟูแฟลตดินแดง เฟส 2