ตลาดหุ้นวอลล์สตรีทสหรัฐฯ ปิดตลาดเมื่อวันจันทร์ที่ 12 กรกฎาคม ยังคงเพิ่มขึ้นต่อเนื่องและทำนิวไฮรอบใหม่ โดยได้แรงหนุนจากหุ้นกลุ่มธนาคารและบริษัทเอนเตอร์เทนเมนต์อย่างดิสนีย์
โดยดัชนีอุตสาหกรรม Dow Jones ปรับตัวเพิ่มขึ้น 126.02 จุด หรือ 0.36% ปิดที่ 34,996.18 จุด ดัชนี S&P 500 เพิ่มขึ้น 15.08 จุด หรือ 0.35% ปิดที่ 4,384.63 จุด และดัชนี Nasdaq เพิ่มขึ้น 31.32 จุด หรือ 0.21% ปิดที่ 14,733.24 จุด
ทั้งนี้ หุ้นของดิสนีย์เป็นหุ้นที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นมากที่สุดเมื่อวานนี้ โดยเพิ่มขึ้นมากกว่า 4% เพราะได้รับอานิสงส์จากยอดสตรีมของภาพยนต์จักรวาลมาร์เวลอย่าง Black Widow ในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ที่ได้รับความนิยมอย่างล้นหลามจนติดบ็อกซ์ออฟฟิศ
ด้านหุ้นในกลุ่มสถาบันการเงินขนาดใหญ่ในตลาด S&P 500 อย่าง Goldman Sachs และ JPMorgan Chase ก็ปรับตัวเพิ่มขึ้น 1.3% เตรียมรับรายงานผลประกอบการรายไตรมาสในสัปดาห์นี้ ที่จะเริ่มทยอยเปิดเผยออกมาในวันอังคาร (13 กรกฎาคม) ประเดิมโดย Goldman Sachs และ J.P.Morgan
นักลงทุนต่างหันเข้าหาตลาดหุ้นโดยเน้นหุ้นของบรรดาบริษัทจดทะเบียนในตลาดมากขึ้น ท่ามกลางกำหนดการเปิดเผยรายงานผลประกอบการประจำไตรมาส โดย FactSet คาดการณ์ว่า รายได้ของบรรดาบริษัทเอกชนในตลาดจะเพิ่มขึ้น 64% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า นับเป็นการเติบโตในอัตรารายปีที่ดีที่สุดนับตั้งแต่ปี 2009 ซึ่งเป็นช่วงที่บริษัทเริ่มกลับมามีผลกำไรหลังจากฟื้นตัวจากภาวะถดถอยครั้งใหญ่ หรือ Great Recession
อย่างไรก็ตาม ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกเมื่อวานนี้ปรับลดลงมาเล็กน้อย เหตุนักลงทุนกังวลว่าการแพร่ระบาดของไวรัสโควิดสายพันธุ์เดลตาอาจกระทบต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก ซึ่งจะส่งผลกับความต้องการบริโภคพลังงาน
โดยราคาน้ำมันดิบเวสต์เทกซัสงวดส่งมอบเดือนสิงหาคม ลดลง 46 เซนต์ ปิดที่ 74.10 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล ด้านเบรนต์ทะเลเหนือ งวดส่งมอบเดือนกันยายน ลดลง 39 เซนต์ ปิดที่ 75.16 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล
ส่วนราคาทองคำปิดลบเล็กน้อย หลังค่าเงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้น แต่ก็ยังทรงตัวอยู่เหนือระดับ 1,800 ดอลลาร์สหรัฐเป็นวันที่ 4 ติดต่อกัน โดยราคาทองคำตลาดโคเม็กซ์งวดส่งมอบเดือนสิงหาคม ลดลง 4.70 ดอลลาร์สหรัฐ ปิดที่ 1,805.90 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์
อ้างอิง: