สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ ลงมติด้วยคะแนนเสียง 220 ต่อ 211 เสียง สนับสนุนมาตรการฟื้นฟูเยียวยาเศรษฐกิจมูลค่า 1.9 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยนับเป็นขั้นสุดท้ายในกระบวนการพิจารณาของสภาคองเกรส ซึ่งหลังจากนี้ร่างกฎหมายดังกล่าวจะส่งต่อให้ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ได้ลงนามอนุมัติเพื่อให้มีผลบังคับใช้ต่อไป
สำนักข่าวรอยเตอร์สรายงานว่า มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจจากวิกฤตโควิด-19 ระบาดฉบับนี้ นับเป็นมาตรการเยียวยาฉบับที่ 3 ของสหรัฐฯ แต่ถือเป็นฉบับแรกของรัฐบาลชุดปัจจุบัน และเป็นฉบับที่มีมูลค่ามากที่สุดในประวัติศาสตร์สหรัฐฯ นอกจากนี้ยังนับเป็นความสำเร็จก้าวแรกของประธานาธิบดีไบเดน หลังสาบานตนเข้ารับตำแหน่งอย่างเป็นทางการเมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา
ทั้งนี้ ผู้นำสหรัฐฯ ได้ทวีตข้อความแสดงความยินดีทันทีที่รับทราบผล ขณะที่ Jen Psaki ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ กล่าวว่า ประธานาธิบดีไบเดนจะลงนามอนุมัติร่างกฎหมายดังกล่าวเพื่อให้มีผลบังคับใช้ภายในวันศุกร์นี้
ด้านสถานีโทรทัศน์บีบีซีรายงานว่า สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจากพรรคเดโมแครต ยกเว้นหนึ่งเสียงล้วนโหวตสนับสนุนร่างกฎหมายดังกล่าว ขณะที่ ส.ส. จากพรรครีพับลิกันทั้งหมดล้วนโหวตไม่เห็นด้วย เพราะเห็นว่าปริมาณงบที่ใช้นั้นมากเกินความจำเป็น แสดงให้เห็นถึงการทำงานของรัฐสภาชุดใหม่ที่พรรคเดโมแครตครองเสียงข้างมาก
สำหรับรายละเอียดของมาตรการเยียวยาและกระตุ้นเศรษฐกิจชุดใหญ่นี้ หมายรวมถึงการอัดฉีดเงินให้กับพลเรือนอเมริกันทุกคนโดยตรงมูลค่า 1,400 ดอลลาร์สหรัฐ ขยายระยะเวลาจ่ายสิทธิประโยชน์การว่างงานมูลค่า 300 ดอลลาร์สหรัฐต่อหัวไปจนถึงเดือนกันยายนปีนี้ จัดสรรงบมูลค่า 350 ล้านดอลลาร์สหรัฐให้กับหน่วยงานรัฐและรัฐบาลท้องถิ่น ปันงบ 130 ล้านดอลลาร์สหรัฐเพื่อช่วยในการเปิดโรงเรียน จัดงบ 49,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐสนับสนุนงานวิจัยและทดสอบโควิด-19 และอีก 14,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐในการเดินหน้าแจกจ่ายวัคซีนต้านโควิด-19
ขณะเดียวกัน ยังเพิ่มส่วนลดภาษีสำหรับครอบครัวที่มีบุตร และช่วยเหลือภาคธุรกิจที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ส่วนข้อเสนอขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ จาก 7.25 ดอลลาร์สหรัฐมาเป็น 15 ดอลลาร์สหรัฐต่อชั่วโมงนี้ ไม่มีอยู่ในมาตรการเยียวยาครั้งนี้
ขณะที่สำนักข่าวเอพีรายงานว่า ความเคลื่อนไหวดังกล่าวได้รับเสียงตอบรับทางบวกจากชาวอเมริกัน โดยสอดคล้องกับการสำรวจความเห็นของศูนย์วิจัย Pew Research Center เมื่อต้นเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ซึ่งพบว่า 70% ของชาวอเมริกันสนับสนุนร่างกฎหมายดังกล่าว โดยจำนวนนี้เป็นกลุ่มผู้สนับสนุนของพรรครีพับลิกันถึง 41%
ด้านนักวิเคราะห์มองว่า ผลลัพธ์ของมาตรการกระตุ้นฟื้นฟูเศรษฐกิจจากโควิด-19 ครั้งนี้ จะเป็นหนึ่งในตัวตัดสินสำคัญที่จะชี้วัดการทำงานในเทอมแรกของประธานาธิบดีที่อายุมากที่สุดในประวัติศาสตร์การเมืองของสหรัฐฯ รายนี้
ขณะเดียวกัน ผู้เชี่ยวชาญอีกส่วนหนึ่งประเมินว่า มาตรการบรรเทาชุดใหม่นี้จะให้เงินช่วยเหลือผู้ประกอบการขนาดเล็กมากขึ้นกว่าเดิมภายใต้โครงการ Paycheck Protection Program หรือ PPP ซึ่งมุ่งนำเสนอเงินกระตุ้นเศรษฐกิจและสวัสดิการการว่างงาน โดยมีรายงานว่า ธุรกิจภัตตาคารร้านอาหารจะกลายมาเป็นผู้ที่ได้รับส่วนแบ่งความช่วยเหลือโดยตรงก้อนใหญ่ที่สุด ด้วยงบประมาณ 28,600 ล้านดอลลาร์ ที่มีจุดประสงค์เพื่อประคับประคองผู้ประกอบการที่สูญเสียรายได้หนักในช่วงปีที่ผ่านมา
ทั้งนี้ ร่างกฎหมายนี้จะอนุมัติจำนวนเงินช่วยเหลือสูงสุดสำหรับธุรกิจร้านอาหารไม่เกิน 10 ล้านดอลลาร์สหรัฐต่อบริษัท และไม่เกิน 5 ล้านดอลลาร์สหรัฐต่อสาขา โดยมีเงื่อนไขว่า บริษัทเหล่านี้ไม่มีสาขามากกว่า 20 แห่ง และต้องไม่ใช่บริษัทที่จดทะเบียนซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ โดยรายละเอียดในร่างกฎหมายนี้ยังมีการจัดสรรงบ 5,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ สำหรับร้านอาหารที่มีขนาดเล็กที่สุด ที่มีรายได้ต่อปีไม่เกิน 500,000 ดอลลาร์สหรัฐอีกด้วย
ก่อนหน้านี้ สมาคมภัตตาคารร้านอาหารแห่งชาติ (National Restaurant Association) ซึ่งเป็นกลุ่มที่ประกอบด้วยผู้ประกอบการที่เกี่ยวข้อง เปิดเผยด้วยว่า วุฒิสภาสหรัฐฯ ได้เพิ่มเงินอีก 3,600 ล้านดอลลาร์สหรัฐให้กับงบดั้งเดิมจำนวน 25,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐที่ระบุไว้ในร่างกฎหมายฉบับแรก แม้ว่างบรวมล่าสุดนี้จะคิดเป็นสัดส่วนเพียง 1 ใน 10 ของรายได้จริงที่อุตสาหกรรมนี้สูญเสียไปในช่วงเกิดวิกฤตก็ตาม
โดยข้อมูลจาก National Restaurant Association และระบุว่า ภัตตาคารร้านอาหารในสหรัฐฯ กว่า 110,000 แห่งต้องปิดตัวลงชั่วคราวหรือเป็นการถาวร ณ วันที่ 1 ธันวาคมของปีที่แล้ว ซึ่งคิดเป็นสัดส่วนราว 17% ของธุรกิจที่เปิดให้บริการอยู่ก่อนเกิดวิกฤต
พิสูจน์อักษร: ลักษณ์นารา พักตร์เพียงจันทร์
อ้างอิง:
- https://www.reuters.com/article/us-health-coronavirus-usa-congress/bidens-1-9-trillion-covid-19-bill-wins-final-approval-in-house-idUSKBN2B215E
- www.bbc.com/news/world-us-canada-56350463
- apnews.com/article/joe-biden-personal-taxes-legislation-coronavirus-pandemic-local-governments-52fa93ac75d38eae4cd3dbb6402e7eba