สถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 ในสหรัฐฯ ยังถูกจับตามองเสมอ เพราะจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 ล่าสุดอยู่ที่ 3.7 ล้านคน โดยมีผู้เสียชีวิตราว 1.4 แสนคน ซึ่งปัจจุบันมีผู้รับการรักษาจนหายแล้วกว่า 1.7 ล้านคน ถือว่าสหรัฐฯ ยังต้องพยุงเศรษฐกิจและความเชื่อมั่นของคนในสถานการณ์นี้ต่อไป
แต่ขณะที่หลายประเทศพิจารณาและออกมาตรการสั่งให้ประชาชนใส่หน้ากากเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโควิด-19 ช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในการออกสู่สื่อสาธารณะ เลือกที่จะไม่ใส่หน้ากาก และทำให้การสวมหน้ากากเป็นสัญญะทางการเมือง หลายฝ่ายมองว่าทรัมป์เลือกไม่ใส่หน้ากากเพื่อดึงความเชื่อมั่นให้สูงขึ้น
ทว่าตั้งแต่สัปดาห์ก่อน โดนัลด์ ทรัมป์ สวมใส่หน้ากากขณะเข้าเยี่ยมที่โรงพยาบาลทหารวอลเตอร์รีด นอกกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. ในที่ออกสื่อต่างๆ เป็นครั้งแรก โดยกล่าวต่อสื่อว่า “ผมไม่เคยต่อต้านการใส่หน้ากาก แต่เชื่อว่าต้องใส่ในช่วงเวลาที่ถูกที่ ถูกเวลา (ถูกกาลเทศะ)” ทำให้หลายคนสงสัยว่า แนวทางการป้องกันการแพร่ระบาดของสหรัฐฯ จะเปลี่ยนแปลงไปหรือไม่
ด้าน Anthony Fauci ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคระบาด ออกมาผลักดันและเรียกร้องให้ผู้นำในรัฐและท้องถิ่นต่างๆ ช่วยสนับสนุนให้คนสวมใส่หน้ากากมากขึ้น โดยมองว่าเป็นเรื่องสำคัญ และทุกคนควรจะสวมใส่หน้ากาก
ฝั่ง โดนัลด์ ทรัมป์ ช่วงวันศุกร์ที่ผ่านมา กล่าวกับ Fox News ว่า ไม่เห็นด้วยกับการออกคำสั่งระดับประเทศเรื่องการบังคับใส่หน้ากาก เพราะบอกว่าคนควรจะมีความเสรีในเรื่องนี้
ขณะที่ทั่วสหรัฐฯ มีหลายรัฐที่กำลังพิจารณาและถกเถียงกันเรื่องประกาศการสวมหน้ากากในที่ร่มและที่สาธารณะ เช่น เมืองโอกลาโฮมา อยู่ระหว่างการพิจารณาข้อกำหนดการสวมใส่หน้ากากในที่ร่ม ภายใต้การติดตามประกาศของประเทศ
พิสูจน์อักษร: พรนภัส ชำนาญค้า
อ้างอิง: