รัฐบาลสหรัฐฯ เพิ่มคดีฟ้องร้อง Huawei โดยกล่าวหาบริษัทยักษ์ใหญ่ด้านโทรคมนาคมจากจีนว่ามีแผนขโมยเทคโนโลยีจากบริษัทในสหรัฐฯ มานานหลายทศวรรษ โดยเมื่อปีที่แล้วกระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ ก็ได้ตั้งข้อหาดำเนินคดีกับ Huawei ในความผิดฐานฉ้อโกงธนาคารและขัดขวางกระบวนการยุติธรรม
คณะอัยการสหรัฐฯ ระบุว่า Huawei ละเมิดเงื่อนไขการเป็นหุ้นส่วนความร่วมมือกับบริษัทในสหรัฐฯ โดยขโมยข้อมูลลับทางการค้า เช่น โค้ดในโปรแกรม และเทคโนโลยีหุ่นยนต์ รวมถึงหาเงินจากกิจกรรมที่ผิดกฎหมาย และละเมิดมาตรการคว่ำบาตรที่สหรัฐฯ มีต่อเกาหลีเหนือ
แถลงการณ์จากกระทรวงยุติธรรมระบุว่า “ข้อหาใหม่ๆ ในคดีนี้เกี่ยวโยงกับความพยายามของ Huawei นานหลายสิบปีทั้งในสหรัฐฯ และจีน ในการขโมยทรัพย์สินทางปัญญา รวมถึงเทคโนโลยีจาก 6 บริษัทในสหรัฐฯ เพื่อที่จะขยายธุรกิจและการดำเนินงานของ Huawei”
ทั้งนี้คณะบริหารของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ มองว่า Huawei ฝ่าฝืนกฎหมายของสหรัฐฯ ในระหว่างที่บริษัทพยายามก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำตลาดด้านอุปกรณ์โทรคมนาคมของโลก ซึ่งความเคลื่อนไหวล่าสุดของสหรัฐฯ มีขึ้นในช่วงที่รัฐบาลหลายประเทศรวมถึงเยอรมนี กำลังพิจารณาว่าจะให้ Huawei เป็นผู้วางเครือข่าย 5G ในประเทศหรือไม่ ขณะที่สหรัฐฯ เตือนว่าเทคโนโลยีดังกล่าวอาจถูกใช้เป็นเครื่องมือในการสอดแนมหรือจารกรรมข้อมูลของทางการจีน
อย่างไรก็ตาม Huawei ได้ออกมาปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา รวมถึงข้อกล่าวหาก่อนหน้านี้ โดยระบุว่าสหรัฐฯ ต้องการเล่นงาน Huawei เพราะมองว่าการเติบโตของบริษัทเป็นภัยคุกคามต่อผลประโยชน์ทางธุรกิจของชาวอเมริกัน
Huawei และรัฐบาลสหรัฐฯ มีข้อพิพาทกันมานานนับปี โดยหนึ่งในชนวนความขัดแย้งมาจากกรณีที่สหรัฐฯ สั่งให้แคนาดาจับกุม เมิ่งหว่านโจว ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงินและบุตรสาวของซีอีโอ Huawei ในข้อหาละเมิดมาตรการคว่ำบาตรต่ออิหร่าน ซึ่งเมิ่งยังคงถูกควบคุมตัวในแคนาดาระหว่างต่อสู้ในกระบวนการส่งตัวไปดำเนินคดีในสหรัฐฯ
ที่ผ่านมาสหรัฐฯ ได้ออกคำสั่งห้ามบริษัทสหรัฐฯ ขายอุปกรณ์ให้กับ Huawei หากไม่ได้รับหนังสืออนุญาตจากทางการ แต่ก็มีข้อยกเว้นในบางกรณีสำหรับบริษัทที่จัดหาชิ้นส่วนหรืออุปกรณ์แก่ Huawei เพื่อรักษาเครือข่ายเก่าให้ใช้งานได้ โดยข้อยกเว้นนี้มีผลเป็นเวลา 45 วัน
ภาพ: Shutterstock
พิสูจน์อักษร: ภาสิณี เพิ่มพันธุ์พงศ์
อ้างอิง:
- https://www.bbc.com/news/business-51497460
- https://www.bbc.com/news/world-us-canada-47036515
- https://www.ft.com/content/3174481a-4e8b-11ea-95a0-43d18ec715f5