เดือนกรกฎาคมที่ผ่านมาเป็นช่วงที่บรรยากาศความสัมพันธ์ระหว่างสองมหาอำนาจอย่างสหรัฐฯ และจีนทวีความตึงเครียดในระดับที่ล่อแหลมและน่ากังวล จากท่าทีตอบโต้ของสองฝ่ายในหลายประเด็น ครอบคลุมด้านการเมือง เศรษฐกิจ และความมั่นคง จากสมรภูมิสงครามการค้าสู่สงครามเทคโนโลยี สงครามวัคซีน และกำลังขยายวงสู่สงครามการทูต ประเด็นร้อนที่เกิดขึ้นมีเรื่องอะไรบ้าง THE STANDARD รวบรวมมาไว้ที่นี่แล้ว
1 กรกฎาคม: กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ประกาศข้อแนะนำทางธุรกิจ โดยเตือนผู้ประกอบธุรกิจต่างๆ ให้ระวังความเสี่ยงในการทำธุรกิจกับบริษัทในเขตปกครองตนเองซินเจียง อุยกูร์ และในพื้นที่อื่นๆ ของจีนที่มีความเกี่ยวข้องกับการคุกคามสิทธิมนุษยชน รวมถึงการบังคับใช้แรงงาน
7 กรกฎาคม: กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ระงับการออกวีซ่าแก่เจ้าหน้าที่รัฐบาลจีนและพรรคคอมมิวนิสต์จีนที่มีส่วนเกี่ยวข้องในการออกนโยบายจำกัดชาวต่างชาติเดินทางเข้าทิเบต
ขณะเดียวกัน ไมค์ ปอมเปโอ รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ ให้สัมภาษณ์กับ Fox News เปิดเผยความเป็นไปได้ที่สหรัฐฯ อาจพิจารณาแบนแอปพลิเคชันและแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียจากจีน ซึ่งรวมถึงแอปฯ TikTok
9 กรกฎาคม: รัฐบาลสหรัฐฯ ประกาศคว่ำบาตรเจ้าหน้าที่รัฐบาลจีน รวมถึงสมาชิกระดับสูงของพรรคคอมมิวนิสต์จีนที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการคุกคามสิทธิมนุษยชนของชนกลุ่มน้อยชาวมุสลิมอุยกูร์ ในพื้นที่เขตปกครองตนเองซินเจียง อุยกูร์ โดยมาตรการคว่ำบาตรรวมถึงการระงับออกวีซ่า และปิดกั้นการเข้าถึงทรัพย์สินที่อยู่ในสหรัฐฯ หรืออยู่ในการครอบครองโดยหน่วยงานของสหรัฐฯ
13 กรกฎาคม: รัฐบาลจีนประกาศคว่ำบาตรสมาชิกสภาคองเกรสสหรัฐฯ 4 คนจากพรรครีพับลิกัน รวมถึงวุฒิสมาชิก เท็ด ครูซ และวุฒิสมาชิก มาร์โค รูบิโอ โดยให้เหตุผลว่าเพื่อตอบโต้การแทรกแซงกิจการภายในของจีน
13 กรกฎาคม: ไมค์ ปอมเปโอ รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ ออกแถลงการณ์ปฏิเสธการอ้างกรรมสิทธิ์ของจีนเหนือทรัพยากรนอกชายฝั่งในพื้นที่ส่วนใหญ่ของทะเลจีนใต้ โดยระบุว่าเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมายอย่างชัดแจ้ง
14 กรกฎาคม: รัฐบาลปักกิ่งประกาศจะคว่ำบาตรบริษัท Lockheed Martin ซึ่งเป็นบริษัทด้านอากาศยานและการป้องกันประเทศรายใหญ่ของสหรัฐฯ จากความเกี่ยวข้องในการขายอาวุธยุทโธปกรณ์แก่ไต้หวัน
14 กรกฎาคม: ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ตอบโต้การกระทำของรัฐบาลจีนที่บังคับใช้กฎหมายความมั่นคงแห่งชาติฉบับใหม่ในฮ่องกง ด้วยการลงนามรับรองกฎหมายปกครองตนเองฮ่องกง ซึ่งกำหนดบทลงโทษ คว่ำบาตรบุคคล ธนาคาร และหน่วยงานต่างชาติที่มีส่วนเกี่ยวข้องในการละเมิดสิทธิมนุษยชนและเสรีภาพของชาวฮ่องกง นอกจากนี้ยังลงนามคำสั่งยกเลิกสถานะพิเศษทางการค้าแก่ฮ่องกง
ท่าทีของรัฐบาลวอชิงตันทำให้ปักกิ่งออกมาประณามและยืนยันจะคุ้มครองผลประโยชน์ของตน พร้อมเตรียมตอบโต้ด้วยการคว่ำบาตรบุคคลและหน่วยงานของสหรัฐฯ
15 กรกฎาคม: สหรัฐฯ ระงับการออกวีซ่าแก่พนักงานจากบริษัทด้านเทคโนโลยีของจีนหลายบริษัท รวมถึง Huawei ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการสนับสนุนเครื่องมือและวัสดุแก่รัฐบาลจีน เพื่อใช้ในกิจการที่เกี่ยวข้องกับการละเมิดสิทธิมนุษยชนที่เกิดขึ้นทั่วโลก
20 กรกฎาคม: กระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ ดำเนินการคว่ำบาตร 11 บริษัทจากจีนที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการละเมิดสิทธิมนุษยชนและบังคับใช้แรงงานในเขตปกครองตนเองซินเจียง อุยกูร์
21 กรกฎาคม: กระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ ตั้งข้อหาสองแฮกเกอร์ชาวจีน ในความผิดฐานพยายามขโมยข้อมูลจากบริษัทและหน่วยงานเอกชนหลายร้อยแห่งทั่วโลก รวมถึงข้อมูลการวิจัยวัคซีนโควิด-19 จากบริษัทเทคโนโลยีชีวภาพของสหรัฐฯ ขณะที่คาดว่าทั้งสองคนนั้นอยู่ในจีน และได้รับความช่วยเหลือจากสายลับและกระทรวงความมั่นคงแห่งรัฐของจีน
22 กรกฎาคม: สหรัฐฯ สั่งการให้จีนปิดสถานกงสุลของตนในเมืองฮุสตัน รัฐเท็กซัส โดยขีดเส้นตายให้ 72 ชั่วโมง หรือจนถึงวันศุกร์ (24 กรกฎาคม) โดยระบุเหตุผลเพื่อปกป้องข้อมูลส่วนบุคคลและทรัพย์สินทางปัญญาของชาวอเมริกัน ขณะที่ ไมค์ ปอมเปโอ รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ ยืนยันการตัดสินใจดังกล่าว โดยระบุว่าพรรคคอมมิวนิสต์จีนกำลังขโมยทรัพย์สินทางปัญญาทั้งของชาวอเมริกันและชาวยุโรป ซึ่งก่อความเสียหายและทำให้เกิดการสูญเสียงานนับแสนตำแหน่ง
23 กรกฎาคม: ทางการสหรัฐฯ ตั้งข้อหา 4 บุคคลสัญชาติจีน ฐานปลอมแปลงวีซ่าด้วยการโกหกและปิดบังสถานะสมาชิกกองทัพปลดปล่อยประชาชนจีน (PLA) ซึ่ง 3 คนถูกจับกุมตัวไว้ได้ และกำลังอยู่ระหว่างสอบสวน
ขณะที่สำนักงานสอบสวนกลางสหรัฐฯ (FBI) กำลังติดตามตัวบุคคลที่ 4 ซึ่งเป็นนักวิทยาศาสตร์หญิงด้านชีววิทยา และมีข้อมูลว่าเธอกำลังหลบอยู่ภายในสถานกงสุลจีนในนครซานฟรานซิสโก โดยทางกระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ ระบุว่านักวิทยาศาสตร์หญิงรายนี้สมัครขอวีซ่าเพื่อการวิจัย แต่ปกปิดความเกี่ยวข้องกับกองทัพ ซึ่งเชื่อว่าเป็นแผนของรัฐบาลจีนในการส่งนักวิทยาศาสตร์จากกองทัพเข้าไปยังสหรัฐฯ
24 กรกฎาคม: รัฐบาลจีนตอบโต้ด้วยการสั่งให้รัฐบาลสหรัฐฯ ปิดสถานกงสุลในเมืองเฉิงตู โดยประกาศกร้าวว่าเป็นการตอบโต้ที่จำเป็น จากการที่สหรัฐฯ สั่งปิดสถานกงสุลจีนในฮุสตัน
พิสูจน์อักษร: ภาสิณี เพิ่มพันธุ์พงศ์
อ้างอิง:
- https://www.npr.org/2020/07/22/893767828/timeline-the-unraveling-of-u-s-china-relations
- https://edition.cnn.com/2020/07/07/tech/us-tiktok-ban/index.html
- https://www.bbc.com/news/world-us-canada-53521156
- https://edition.cnn.com/2020/07/23/asia/us-china-consulate-san-francisco-houston-intl-hnk/index.html
- https://www.bbc.com/news/world-us-canada-53497193
- https://www.bbc.com/news/world-asia-china-53522640
- https://edition.cnn.com/2020/07/24/asia/us-china-consulate-chengdu-intl-hnk/index.html
- https://edition.cnn.com/2020/07/23/politics/pompeo-china-nixon-library-speech/index.html