×

ไขปมวิวาทะจีน-สหรัฐฯ กรณีกล่าวหาห้องทดลองอู่ฮั่นเป็นต้นตอโควิด-19 เรารู้อะไรแล้วบ้าง

โดย Master Peace
07.05.2020
  • LOADING...

HIGHLIGHTS

3 Mins. Read
  • ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ กล่าวอ้างถึงข้อมูลหลักฐานที่บ่งชี้ว่าไวรัสโคโรนา 2019 อาจมีที่มาจากห้องทดลองในเมืองอู่ฮั่นของจีน
  • ข้อกล่าวหานี้ถูกตอกกลับอย่างดุเดือดจากรัฐบาลปักกิ่งที่มองว่าทรัมป์ตั้งใจจะใส่ร้ายป้ายสี เพียงเพื่อหวังเพิ่มคะแนนนิยมและโอกาสในการชนะเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในเดือนพฤศจิกายนนี้ 
  • สำหรับนักวิทยาศาสตร์ทั่วโลกแล้ว ทฤษฎีที่ระบุว่าไวรัสโคโรนา 2019 เกิดจากฝีมือมนุษย์นั้นไม่ได้รับการเชื่อถือนัก เนื่องจากหลักฐานทางวิทยาศาสตร์มากมายบ่งชี้ว่าไวรัสมีที่มาจากสัตว์ป่า

ประเด็นคำถามเรื่องที่มาของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ที่เป็นต้นเหตุของโรคโควิด-19 ซึ่งกำลังระบาดหนักไปทั่วโลกกลายเป็นชนวนสงครามวิวาทะระหว่างสหรัฐฯ กับจีนในช่วงหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา และส่งผลให้ความสัมพันธ์ของสองมหาอำนาจที่ตึงเครียดอยู่แล้วทวีความรุนแรงมากขึ้นไปอีก

ช่วงไม่กี่วันมานี้ ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ และไมค์ ปอมเปโอ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ กล่าวอ้างถึงข้อมูลหลักฐานที่บ่งชี้ว่าไวรัสโคโรนา 2019 มีที่มาจากห้องทดลองที่เมืองอู่ฮั่น ศูนย์กลางการระบาดที่พบไวรัสชนิดนี้ครั้งแรกช่วงเดือนธันวาคม ปี 2019 ที่ผ่านมา

ข้อกล่าวหาถูกตอกกลับอย่างดุเดือดจากรัฐบาลปักกิ่งที่มองว่าทรัมป์ตั้งใจจะใส่ร้ายป้ายสีเพียงเพื่อหวังเพิ่มคะแนนนิยมและโอกาสในการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในช่วงปลายปีนี้ ขณะที่ข่าวกรองจากเครือข่ายพันธมิตร Five Eyes ที่ประกอบด้วยสหรัฐฯ ออสเตรเลีย แคนาดา นิวซีแลนด์ และสหราชอาณาจักร บ่งชี้ว่าที่มาของไวรัสโคโรนา 2019 น่าจะมาจากตลาดภายในอู่ฮั่นมากกว่า ซึ่งไม่ตรงกับข้อกล่าวหาของทรัมป์แต่อย่างใด

อย่างไรก็ตาม คำถามสำคัญคือมีอะไรที่เรารู้และไม่รู้บ้างเกี่ยวกับข้อกล่าวหาดังกล่าว และภายในห้องทดลองไวรัสที่อู่ฮั่นนั้นมีอะไร ทำไมจึงกลายเป็นศูนย์กลางของข่าวลือ

ที่ผ่านมารัฐบาลจีนปฏิเสธอย่างหนักแน่นเรื่องหลักฐานบ่งชี้ว่าห้องทดลองในอู่ฮั่นเป็นจุดกำเนิดไวรัสโคโรนา 2019

ในการแถลงล่าสุดเมื่อวันพุธ กระทรวงการต่างประเทศจีนระบุว่าเรื่องนี้เป็นยุทธศาสตร์ทางการเมืองของพรรครีพับลิกันที่ต้องการใช้ข้อครหาเรื่องไวรัสโจมตีจีนเพื่อเพิ่มโอกาสให้ทรัมป์คว้าชัยการเลือกตั้งประธานาธิบดี ขณะที่ย้ำว่ารัฐบาลจีนยังไม่ได้ข้อสรุปใดๆ เรื่องที่มาของไวรัส

ซึ่งก่อนหน้านี้โฆษกกระทรวงการต่างประเทศจีนพยายามสนับสนุนทฤษฎีตรงข้ามที่ระบุว่าสหรัฐฯ ต่างหากที่เป็นต้นกำเนิดไวรัส และเป็นกองทัพสหรัฐฯ ที่ลอบนำไวรัสเข้ามาแพร่ระบาดในจีน

แต่การตรวจสอบที่มาของไวรัสโคโรนา 2019 ตอนนี้กลายเป็นประเด็นละเอียดอ่อนในจีน โดยเดือนเมษายนที่ผ่านมารัฐบาลจีนสั่งห้ามสถาบันวิจัยต่างๆ เผยแพร่เอกสารที่เกี่ยวข้องกับเรื่องที่มาของไวรัส หากไม่ผ่านการตรวจสอบและรับรองจากรัฐบาล

สำหรับนักวิทยาศาสตร์ทั่วโลกแล้ว ทฤษฎีที่ระบุว่าไวรัสโคโรนา 2019 เกิดจากฝีมือมนุษย์นั้นไม่ได้รับการเชื่อถือนัก เนื่องจากหลักฐานทางวิทยาศาสตร์มากมายบ่งชี้ว่าไวรัสมีที่มาจากสัตว์ป่า

ศาสตราจารย์แอนโทนี เฟาซี ผู้อำนวยการสถาบันโรคภูมิแพ้และโรคติดเชื้อแห่งชาติของสหรัฐฯ ยืนยันเรื่องนี้ระหว่างให้สัมภาษณ์กับ National Geographic เนื่องจากหลักฐานสนับสนุนที่มีอยู่ยังห่างไกลจากทฤษฎีนี้มาก

“หลักฐานทางวิทยาศาสตร์นั้นชี้ว่าไวรัสชนิดนี้ไม่สามารถสร้างหรือเพาะขึ้นโดยตั้งใจ ทุกอย่างเกี่ยวกับขั้นตอนวิวัฒนาการในช่วงเวลาที่ผ่านมาที่บ่งชี้ว่าไวรัสชนิดนี้มีวิวัฒนาการตามธรรมชาติก่อนจะแพร่ระบาดข้ามสายพันธุ์” เฟาซีกล่าว

สำหรับห้องทดลองที่ถูกกล่าวหาว่าเป็นต้นตอการระบาดของไวรัสโคโรนา 2019 นั้นเป็นของสถาบันไวรัสวิทยาในอู่ฮั่น ซึ่งเป็นสถาบันการศึกษาด้านวิทยาศาสตร์ของรัฐบาลจีน และเป็นห้องทดลองเพียงแห่งเดียวของประเทศที่มีการติดตั้งระบบควบคุมความปลอดภัยทางชีวภาพขั้นสูงสุด หรือที่รู้จักในชื่อ Biosafety Level 4 (BSL-4)

ห้องทดลองระดับนี้ถูกออกแบบเฉพาะสำหรับศึกษาวิจัยเชื้อโรคหรือไวรัสที่อันตรายที่สุดในโลก มีความเสี่ยงสูงในการแพร่ระบาด ส่วนมากเป็นอันตรายถึงชีวิตและยังไม่สามารถรักษาได้ เช่นเดียวกับไวรัสโคโรนา

ห้องทดลองในอู่ฮั่นสร้างขึ้นในปี 2014 ภายใต้ความช่วยเหลือจากฝรั่งเศส หลังการระบาดหนักของไวรัสซาร์สในจีนและหลายประเทศในเอเชีย ช่วงปี 2002 และ 2003 รัฐบาลจีนตัดสินใจสร้างห้องทดลองนี้เพื่อการศึกษาวิจัยและพัฒนายาหรือวัคซีนเพื่อเตรียมพร้อมรับมือโรคระบาดอื่นๆ ในอนาคต ซึ่งห้องทดลองนี้ถูกเปิดใช้งานเต็มรูปแบบในเดือนมกราคม 2018 และปรากฏเป็นข่าวมากมายในหน้าสื่อของจีนซึ่งชื่นชมว่าเป็นอีกความภาคภูมิใจของชาติ

“ห้องทดลองนี้จะทำให้ประเทศของเรามีระบบความปลอดภัยทางชีวภาพขั้นสูงในระดับสากล และนักวิจัยชาวจีนสามารถศึกษาเชื้อโรคที่อันตรายที่สุดในโลกได้ในห้องทดลองของตนเอง” แถลงการณ์จากรัฐบาลจีนในขณะนั้นระบุ

ห้องทดลองดังกล่าวนำโดย ศาสตราจารย์สือเจิ้งลี่ นักไวรัสวิทยาผู้ได้รับฉายาว่า Bat Woman จากประสบการณ์ศึกษาวิจัยเชื้อไวรัสในค้างคาวถ้ำ ซึ่งสือเจิ้งลี่และทีมงานยังเป็นแนวหน้าในการวิจัยไวรัสโคโรนา 2019 และในช่วงต้นเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา เธอและทีมงานยังได้เผยแพร่ข้อมูลในวารสารวิทยาศาสตร์ว่าไวรัสโคโรนา 2019 นั้นมีข้อมูลพันธุกรรมตรงกับค้างคาวถ้ำถึง 96%

สิ่งที่ทำให้ห้องทดลองแห่งนี้ตกเป็นที่ครหาว่าอาจเป็นจุดกำเนิดไวรัสเนื่องจากมีผลงานวิจัยเกี่ยวกับไวรัสโคโรนา อีกทั้งที่ตั้งของห้องทดลองก็อยู่ห่างเพียง 12.8 กิโลเมตรจากตลาดค้าส่งอาหารทะเลและสัตว์ป่าในเมืองอู่ฮั่นที่เชื่อว่าเป็นจุดเริ่มต้นการแพร่ระบาด

ข่าวลือและทฤษฎีต่างๆ เกี่ยวกับห้องทดลองนี้ปรากฏออกมาอย่างต่อเนื่อง หนึ่งในนั้นกล่าวอ้างว่านักวิจัยในห้องทดลองแห่งนี้ถูกค้างคาวที่กำลังศึกษาวิจัยอยู่กัดจนทำให้ติดเชื้อ อีกทฤษฎีระบุว่านักศึกษาคนหนึ่งของสถาบันไวรัสวิทยาในอู่ฮั่นเป็นคนไข้รายที่ 0 นอกจากนี้ยังมีทฤษฎีที่แปลกๆ เช่น กองทัพจีนใช้ห้องทดลองดังกล่าวเพื่อสร้างอาวุธชีวภาพ

จนถึงตอนนี้ยังไม่มีการเผยแพร่หลักฐานน่าเชื่อถือใดๆ มาสนับสนุนความเป็นไปได้ของทฤษฎีต่างๆ เหล่านี้ ซึ่งข่าวลือของทฤษฎีต่างๆ ที่ปรากฏออกมาทางโซเชียลมีเดียทำให้สือเจิ้งลี่ต้องใช้โซเชียลมีเดียประกาศยืนยันและรับรองด้วยชีวิตของเธอเองว่าห้องทดลองในอู่ฮั่นนั้นไม่เกี่ยวข้องใดๆ กับการแพร่ระบาดของไวรัสที่เป็นต้นเหตุของโรคโควิด-19

ภาพ: Shutterstock

พิสูจน์อักษร: ภาสิณี เพิ่มพันธุ์พงศ์

อ้างอิง:

  • https://edition.cnn.com/2020/05/06/asia/coronavirus-china-wuhan-lab-origins-explainer-intl-hnk/index.html?fbclid=IwAR1nRpbmD9rtobbGY_-t36ibDZGppiht2jIBA-X458iVtaVHbjFNybfL5vk
  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising
X