กระทรวงแรงงานสหรัฐฯ รายงานว่า มีแรงงานชาวอเมริกันยื่นขอสวัสดิการว่างงานในสัปดาห์ที่ผ่านมา สิ้นสุด ณ วันที่ 28 มีนาคม มากถึง 6.6 ล้านคน ซึ่งเป็นตัวเลขสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ท่ามกลางวิกฤตการระบาดของโควิด-19 ที่ทำให้ภาคธุรกิจและอุตสาหกรรมในสหรัฐฯ หยุดชะงัก
ตัวเลขดังกล่าวสูงกว่าโพลสำรวจความคิดเห็นของนักเศรษฐศาสตร์ที่จัดทำโดย Refinitiv ซึ่งคาดว่าจะเพิ่ม 3.5 ล้านคน
และเมื่อรวมกับตัวเลขสัปดาห์ก่อนหน้าที่มีผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงาน 3.3 ล้านคน ทำให้จำนวนผู้ว่างงานในสหรัฐฯ เพิ่มเกือบ 10 ล้านคนภายในช่วงเวลาเพียง 2 สัปดาห์
ทั้งนี้สหรัฐฯ ไม่เคยเผชิญกับภาวะคนตกงานที่เพิ่มขึ้นรวดเร็วเช่นนี้มาก่อนในประวัติศาสตร์ จนกระทั่งเมื่อเดือนที่แล้ว หลังไวรัสโคโรนาแพร่ระบาดอย่างหนักในประเทศ จนคณะบริหารของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ต้องประกาศมาตรการล็อกดาวน์เพื่อชะลอการระบาด โดยสถิติสัปดาห์ที่มีคนยื่นขอสวัสดิการว่างงานมากที่สุดก่อนหน้านี้คือ 695,000 คน ในปี 1982
เมื่อเดือนที่แล้ว นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า สหรัฐฯ อาจหลีกเลี่ยงภาวะถดถอยทางเศรษฐกิจได้ แต่ปัจจุบันการที่โรคระบาดทำให้ธุรกิจในหลายภาคอุตสาหกรรมปิดทำการ และบีบให้หลายบริษัทต้องปลดพนักงานหรือเลย์ออฟ ทำให้นักเศรษฐกิจจำนวนมากมองว่าผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) ของสหรัฐฯ อาจหดตัวลงอย่างรุนแรง และอาจถึงขั้นเลวร้ายกว่ายุคเศรษฐกิจตกต่ำ (Great Depression) ในช่วงทศวรรษ 1930
ด้าน มิเชล เมเยอร์ หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของแบงก์ ออฟ อเมริกา เมอร์ริลล์ ลินช์ ให้ความเห็นกับ The New York Times ว่า โดยปกติแล้วจะใช้เวลาหลายเดือนหรือหลายไตรมาสในการเกิดภาวะถดถอย แต่จากสถานการณ์ในปัจจุบัน ทำให้มีแนวโน้มที่ภาวะถดถอยจะเกิดขึ้นภายในไม่กี่สัปดาห์
พิสูจน์อักษร: พรนภัส ชำนาญค้า
อ้างอิง: