การบุกยูเครนของรัสเซียกลายเป็นประเด็นใหญ่บนเวทีประชุมสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติ (United Nations General Assembly) ครั้งที่ 77 ที่นิวยอร์ก ซึ่งเปิดฉากขึ้นเมื่อช่วงเช้าวานนี้ (20 กันยายน) ตามเวลาท้องถิ่น โดยผู้นำและผู้แทนจากหลายประเทศต่างแสดงความเห็น ทั้งประณามรัสเซียและเรียกร้องการเจรจาสันติภาพเพื่อยุติปัญหา
โอลาฟ โชลซ์ นายกรัฐมนตรีเยอรมนี กล่าวประณามการทำสงครามของปูตินว่าเป็นเหมือนลัทธิจักรวรรดินิยม และไม่มีเหตุผลชอบธรรมอะไรก็ตามสำหรับการตัดสินใจบุกยูเครนเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ พร้อมชี้ว่า สงครามที่เกิดขึ้นไม่ใช่เพียงภัยพิบัติสำหรับยุโรป แต่ยังส่งผลถึงความสงบเรียบร้อยของทั่วโลกด้วย
“หากเราต้องการให้สงครามนี้ยุติลง เราก็ไม่ต้องสนใจว่ามันจะจบลงอย่างไร ปูตินจะยอมแพ้สงครามและความทะเยอทะยานแบบลัทธิจักรวรรดินิยมของเขา ถ้าหากเขาตระหนักได้ว่าเขาไม่มีทางชนะ” โชลซ์กล่าวและยืนยันว่า เยอรมนีจะไม่ยอมรับสันติภาพที่กำหนดโดยรัสเซีย และจะสนับสนุนยูเครนอย่างสุดกำลังทั้งในด้านการเงิน เศรษฐกิจ ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม รวมถึงการสนับสนุนอาวุธ
เช่นเดียวกับ เอ็มมานูเอล มาครง ประธานาธิบดีฝรั่งเศส ที่กล่าวถ้อยแถลงบนเวที UN อย่างดุเดือดว่า ไม่มีประเทศใดควรเป็นกลางในการประณามการบุกยูเครนของรัสเซีย และผู้ที่ยังนิ่งเงียบหรือแอบสมรู้ร่วมคิดนั้นกำลังรับใช้ลัทธิจักรวรรดินิยมใหม่ที่ทำลายความสงบเรียบร้อยของโลก
“ใครที่นี่สามารถป้องกันความคิดที่ว่า การบุกยูเครนนั้นชอบธรรมและไม่สมควรถูกคว่ำบาตร? ใครในพวกท่านที่นี่ที่สามารถตระหนักได้ว่าวันที่มีสิ่งที่คล้ายกันนี้เกิดขึ้นกับคุณโดยเพื่อนบ้านที่มีอำนาจมากกว่า มันจะเกิดความเงียบจากทั้งภูมิภาคนี้หรือจากทั้งโลกนี้?” มาครงกล่าว พร้อมเรียกร้องให้สมาชิก UN สนับสนุนเส้นทางสู่สันติภาพ และดำเนินการเพื่อบังคับให้รัสเซียเลิกทำสงครามและยุติการรุกรานยูเครน ขณะที่เขายืนยันว่า เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับการเลือกฝั่งว่าเป็นฝ่ายชาติตะวันตกหรือตะวันออก แต่เป็นความรับผิดชอบของทุกประเทศในการเคารพกฎบัตร UN
ด้าน กิตานัส นาวเซดา ประธานาธิบดีลิทัวเนีย ได้เน้นย้ำความสนับสนุนที่มีต่อยูเครน และเรียกร้องให้มีการจัดตั้งศาลอาชญากรรมสงครามพิเศษขึ้นสำหรับกรณียูเครน
“จะต้องไม่มีการยกเว้นโทษสำหรับอาชญากรรมที่โหดร้ายและความโหดร้ายที่เกิดขึ้นระหว่างสงคราม การรับประกันความยุติธรรมและความรับผิดชอบมีความสำคัญอย่างยิ่งจากมุมมองด้านความน่าเชื่อถือของสหประชาชาติและประชาคมระหว่างประเทศ” เขากล่าว พร้อมเรียกร้องให้ประเทศต่างๆ ที่ซื้อน้ำมันของรัสเซียยุติการนำเข้าและหยุดการสนับสนุนเงินทุนสำหรับสงครามนองเลือดนี้”
ขณะที่ แมคกี ซอล ประธานาธิบดีเซเนกัล กล่าวยกตัวอย่างของทวีปแอฟริกาที่ทนทุกข์ทรมานจากการแบกรับภาระของประวัติศาสตร์ในยุคสงคราม และไม่ต้องการให้มีการเพาะพันธุ์สงครามเย็นขึ้นมาใหม่
ด้าน เชค ตะมีม บิน ฮาหมัด อัล ซานี เจ้าผู้ครองรัฐกาตาร์ เรียกร้องให้มีการเจรจาสันติภาพระหว่างรัสเซียและยูเครน ซึ่งถือเป็นทางออกเดียวของสงครามนี้
“เราตระหนักดีถึงความซับซ้อนของความขัดแย้งระหว่างรัสเซียกับยูเครนและมิติระหว่างประเทศ อย่างไรก็ตาม เราเรียกร้องให้มีการหยุดยิงและแสวงหาแนวทางแก้ไขอย่างสันติในทันที นี่คือวิธีที่เรื่องนี้จะจบลงในที่สุด ไม่ว่าสงครามจะกินเวลานานแค่ไหน ความต่อเนื่องของมันจะไม่เปลี่ยนแปลงผลลัพธ์นี้ แต่จะเพิ่มจำนวนผู้ที่ตกเป็นเหยื่อและเพิ่มผลกระทบที่รุนแรงต่อยุโรป รัสเซีย และเศรษฐกิจโลกโดยทั่วไป เพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่า”
เช่นเดียวกับ เรเจป ไตยิป แอร์โดอัน ประธานาธิบดีตุรกี ที่เรียกร้องให้ยุติวิกฤตรัสเซีย-ยูเครน และกล่าวว่า สงครามตลอด 7 เดือนที่ผ่านมา ได้ส่งคลื่นแห่งความตกใจไปทั่วโลก
“สงครามจะไม่มีวันได้รับชัยชนะ และกระบวนการสันติภาพที่ยุติธรรมจะไม่มีผู้แพ้ เราต้องการวิธีที่สง่างามในการออกจากวิกฤตครั้งนี้ และนั่นจะเป็นไปได้โดยการแก้ปัญหาทางการทูตที่มีเหตุผล ยุติธรรม และมีบังคับใช้ได้จริง”
ด้านสหรัฐฯ ประธานาธิบดี โจ ไบเดน มีกำหนดการที่จะขึ้นกล่าวถ้อยแถลงต่อสมัชชา UN ในวันนี้ (21 กันยายน) โดยก่อนหน้านี้ แอนโทนี บลิงเคน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ได้แสดงท่าทีต่อกรณีที่มีรายงานว่า รัสเซียกำลังเดินหน้าเตรียมทำประชามติผนวกรวมดินแดนของยูเครน ทั้งโดเนตสก์และลูฮันสก์ เคอร์ซอนและซาปอริซเซีย อีกทั้งยังมีรายงานว่า วลาดิเมียร์ ปูติน ประธานาธิบดีรัสเซีย กำลังพิจารณาระดมกำลังสำรอง ซึ่งทั้งหมดนี้เกิดขึ้นในระหว่างที่กำลังมีการประชุมสมัชชาใหญ่สหประชาชาติ และถือเป็นการดูหมิ่นสหประชาชาติอย่างที่สุด
“หลักการที่เราอยู่ที่นี่ในสัปดาห์นี้ เพื่อรักษากฎบัตรแห่งอำนาจอธิปไตย ความเป็นอิสระ บูรณภาพแห่งดินแดน ซึ่งเป็นสิ่งที่กำลังถูกรุกรานอย่างรุนแรงจากรัสเซีย รวมถึงผ่านความพยายามที่จะดำเนินการลงประชามติเหล่านี้ และการเพิ่มกองกำลังเพื่อพยายามที่จะยึดดินแดนในอธิปไตยของยูเครน” บลิงเคนกล่าว และชี้ว่า ไม่น่าแปลกใจที่รัสเซียมีการเคลื่อนไหวในตอนนี้ หลังจากที่ประสบความสูญเสียในสมรภูมิยูเครนช่วงหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา ขณะที่ทั่วโลกมีความกังวลต่อสถานการณ์สงครามมากขึ้น ซึ่งความเคลื่อนไหวนี้เป็นสัญญาณบ่งชี้ถึงความอ่อนแอและความล้มเหลวของรัสเซีย
ขณะที่เขายืนยันว่า “สหรัฐฯ จะไม่มีวันยอมรับการทำประชามติที่หลอกลวงในยูเครน ซึ่งรัสเซียอยู่เบื้องหลัง รวมถึงความเคลื่อนไหวใดๆ ของรัสเซียในการผนวกดินแดนของยูเครน” และย้ำว่า “เป็นเรื่องสำคัญที่นานาชาติจะต้องแสดงออกในเรื่องนี้อย่างชัดเจน”
ภาพ: Photo by Anna Moneymaker / Getty Images
อ้างอิง: