โวโลดีเมียร์ เซเลนสกี ประธานาธิบดียูเครน โพสต์ข้อความผ่านโซเชียลมีเดีย ประณามรัสเซียว่ากระทำการ ‘โจมตีอย่างโหดร้าย’ หลังก่อเหตุโจมตีทางอากาศครั้งใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยเกิดขึ้นในสงครามยูเครนเมื่อช่วงค่ำวานนี้ (7 กันยายน) ด้วยการใช้ขีปนาวุธและโดรนกว่า 800 ลำ โจมตีอาคารรัฐบาลและอาคารที่พักอาศัยของประชาชนในกรุงเคียฟ ซึ่งส่งผลให้อาคารหลายสิบหลังได้รับความเสียหายและมีผู้เสียชีวิตแล้วอย่างน้อย 4 คน
“การสังหารผู้คนเช่นนี้ในตอนนี้ ในช่วงเวลาที่การทูตที่แท้จริงอาจเริ่มต้นได้นานแล้ว ถือเป็นอาชญากรรมโดยเจตนาและเป็นความพยายามที่จะยืดเยื้อสงคราม” เซเลนสกีกล่าว และเรียกร้องให้ทั่วโลกใช้พลังอำนาจทางการเมืองเพื่อหยุดยั้งการโจมตีของรัสเซีย
การโจมตีดังกล่าวถือเป็นครั้งแรกที่รัสเซียพุ่งเป้าโจมตีอาคารรัฐบาลของยูเครนในกรุงเคียฟ โดยกองทัพอากาศยูเครนรายงานว่า รัสเซียได้ใช้โดรนทั้งหมด 805 ลำ และขีปนาวุธ 13 ลูกในการโจมตี ซึ่งกองทัพอากาศยูเครนสามารถยิงสกัดโดรนได้ 751 ลำ และขีปนาวุธ 4 ลูก
ทางด้านกระทรวงกลาโหมรัสเซียแถลงว่า ได้ดำเนินการโจมตีโดยพุ่งเป้าอาคารอุตสาหกรรมการทหารและโครงสร้างพื้นฐานด้านการขนส่งของยูเครน แต่ปฏิเสธการกำหนดเป้าหมายโจมตีพลเรือน และอ้างว่าผลจากการโจมตีส่งผลให้คลังอาวุธและอุปกรณ์ทางทหารของยูเครนจำนวนมากได้รับความเสียหาย
ทรัมป์ เตรียมเดินหน้าคว่ำบาตรรัสเซียเฟส 2
การโจมตีล่าสุดของรัสเซีย เกิดขึ้นในขณะที่ทรัมป์ ให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวในทำเนียบขาววานนี้ โดยแสดงท่าทีพร้อมเดินหน้ามาตรการคว่ำบาตรรัสเซียในระยะที่ 2 ซึ่งถือเป็นสัญญาณบ่งชี้ว่าเขา อาจจะมีการเพิ่มมาตรการคว่ำบาตรต่อรัสเซียหรือประเทศที่ซื้อน้ำมันจากรัสเซีย แต่ไม่ได้ให้รายละเอียดเพิ่มเติม
ทรัมป์ ยังเผยว่าเขาจะพูดคุยกับปูติน “ในเร็วๆ นี้” เพื่อหารือเกี่ยวกับความขัดแย้งระหว่างรัสเซียและยูเครน และแสดงความไม่พอใจต่อสถานการณ์ความขัดแย้งและการสู้รบที่ยังคงตึงเครียด
ภาพ : REUTERS/Gleb Garanich
อ้างอิง: