วานนี้ (22 กรกฎาคม) เจ้าหน้าที่ของรัสเซียและยูเครนได้ลงนามในข้อตกลงเพื่อเปิดทางสู่การส่งออกธัญพืชจากท่าเรือในทะเลดำของยูเครนเรียบร้อยแล้ว ขณะที่ อันโตนิโอ กูเตอร์เรส เลขาธิการสหประชาชาติ (UN) และประธานาธิบดีเรเซป ตอยยิบ เออร์โดกัน ของตุรกี กล่าวว่า ข้อตกลงนี้จะช่วยบรรเทาวิกฤตอาหารทั่วโลก
เซอร์เก ชอยกู รัฐมนตรีกระทรวงกลาโหมรัสเซีย และ โอเล็กซานเดอร์ คูบราคอฟ รัฐมนตรีกระทรวงโครงสร้างพื้นฐานของยูเครน ได้ลงนามในข้อตกลงวานนี้ ณ พระราชวังโดลมาบาห์เช ในอิสตันบูล โดยทั้งสองเลี่ยงที่จะนั่งร่วมโต๊ะ และไม่มีการจับมือทักทายกัน
ข้อตกลงนี้มีอายุ 120 วัน และอาจต่ออายุได้แบบอัตโนมัติโดยไม่ต้องมีการเจรจาเพิ่มเติม ภายใต้ข้อตกลงนี้ เจ้าหน้าที่ของตุรกี ยูเครน และ UN จะร่วมกันตรวจสอบการบรรจุธัญพืชลงเรือ ณ ท่าเรือในทะเลดำ ก่อนที่จะส่งออกไปตามเส้นทางที่กำหนด โดยใช้แผนที่ช่องทางที่ปลอดภัยซึ่งจัดทำโดยฝ่ายยูเครน
กูเตอร์เรสกล่าวว่า พิธีลงนามนี้ถือเป็นแสงนำทางในทะเลดำ และเป็นแสงแห่งความหวัง ซึ่งคาดว่าจะช่วยเหลือประเทศกำลังพัฒนาได้เป็นอย่างมาก และจะช่วยให้ราคาอาหารโลกกลับมามีเสถียรภาพดังเดิม พร้อมเรียกร้องให้รัสเซียและยูเครนปฏิบัติตามข้อตกลงนี้อย่างเต็มกำลัง ขณะที่ประธานาธิบดีโวโลดิเมียร์ เซเลนสกี แห่งยูเครน กล่าวว่า ข้อตกลงนี้จะเปิดทางให้ยูเครนสามารถส่งออกธัญพืชมูลค่า 1 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐได้ทันที ซึ่งรวมถึงธัญพืชกว่า 20 ล้านตันที่ตกค้างอยู่ที่คลังท่าเรือช่วงก่อนหน้านี้
ที่ผ่านมานั้น รัสเซียและยูเครนต่างเป็นชาติที่มียอดส่งออกข้าวสาลีมากที่สุดในโลก แต่หลังจากที่รัสเซียตัดสินใจส่งทหารเข้ารุกรานยูเครนเมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ก็ส่งผลให้ราคาข้าวสาลีดีดตัวขึ้นอย่างมาก เนื่องจากรัสเซียได้ส่งกองเรือเข้าไปปิดล้อมท่าเรือในทะเลดำ ทำให้การส่งออกของยูเครนลดลงเหลือเพียง 1 ใน 6 ของระดับปกติ
โครงการอาหารโลก (WFP) ประมาณการว่า นับตั้งแต่เกิดสงครามในยูเครน ประชาชน 47 ล้านคนทั่วโลกต้องตกอยู่ในภาวะขาดแคลนอาหารเฉียบพลัน ซึ่งชาติตะวันตกโจมตีรัสเซียว่า ใช้อาหารเป็นเครื่องต่อรองตั้งแต่ช่วงที่เริ่มก่อสงคราม
แฟ้มภาพ: TUR Presidency / Murat Cetinmuhurdar / Anadolu Agency via Getty Images
อ้างอิง: