สำนักข่าว Reuters รายงานสถานการณ์สงครามในยูเครนล่าสุดวันนี้ (4 ตุลาคม) พบว่า กองกำลังทหารยูเครนสามารถบุกทะลวงแนวกั้นของกองทัพรัสเซียในพื้นที่จังหวัดเคอร์ซอน ทางตอนใต้ ได้แล้ว ในขณะที่ยังคงขยายการรุกคืบโจมตีทางตะวันออกอย่างรวดเร็ว หลังสามารถยึดคืนเมืองลีมาน ซึ่งเป็นจุดยุทธศาสตร์และชุมชนทางรถไฟในแคว้นโดเนตสก์ที่รัฐบาลมอสโกประกาศผนวกรวมไปก่อนหน้านี้
จากรายงานของทางการยูเครนและผู้นำท้องถิ่นในจังหวัดเคอร์ซอน ซึ่งมอสโกแต่งตั้งมา พบว่า กองทัพยูเครนได้บุกทะลวงพื้นที่ตอนใต้ครั้งใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่เริ่มต้นสงครามเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ โดยสามารถยึดคืนหลายหมู่บ้านในการบุกโจมตีแนวชายฝั่งแม่น้ำดนีโปร ซึ่งเป็นอีกจุดยุทธศาสตร์ที่สำคัญได้สำเร็จ
การบุกโจมตีพื้นที่ตอนใต้ของกองทัพยูเครนนั้นพุ่งเป้าไปที่เส้นทางขนส่งเสบียงสำหรับทหารรัสเซียกว่า 25,000 นายที่อยู่บริเวณฝั่งตะวันตกของแม่น้ำดนีโปร โดยกองทัพยูเครนสามารถทำลายสะพานข้ามแม่น้ำหลักได้ ทำให้ทหารรัสเซียต้องสร้างสะพานชั่วคราวเพื่อใช้ข้ามฝั่ง
ขณะที่การรุกคืบและยึดคืนดินแดนดังกล่าวมีขึ้นท่ามกลางท่าทีของ วลาดิเมียร์ ปูติน ประธานาธิบดีรัสเซีย ที่เร่งดำเนินการระดมกำลังพลสำรองกว่า 3 แสนนายเสริมแนวรบในยูเครน ซึ่งก่อนหน้านี้ปูตินขู่ว่าจะตอบโต้ด้วยอาวุธนิวเคลียร์หากมีการรุกรานดินแดนของรัสเซีย ซึ่งรวมถึง 4 แคว้นทางตะวันออกและทางใต้ที่รัสเซียผนวกรวมและประกาศจะปกป้องอย่างเต็มกำลัง
Reuters ยังรายงานถึงสัญญาณที่สะท้อนว่ายูเครนกำลังมีแนวโน้มชิงความได้เปรียบในแนวรบทางตะวันออก หลังเห็นขบวนรถทางทหารของกองทัพยูเครนมุ่งหน้าไปเสริมกำลังที่เมืองลีมาน และประจำการเพื่อเตรียมรุกคืบเข้าสู่ภูมิภาคดอนบาส
โดย โวโลดิเมียร์ เซเลนสกี ประธานาธิบดียูเครน ยืนยันว่า กองทัพสามารถยึดคืนหลายเมืองในพื้นที่ดังกล่าวกลับมาได้ แต่ไม่มีการเปิดเผยรายละเอียด
เซอร์ฮีย์ ไกได ผู้ว่าราชการแคว้นลูฮันสก์ที่ยืนหยัดสนับสนุนยูเครน ให้สัมภาษณ์สถานีโทรทัศน์ยูเครน ว่า กองทัพรัสเซียได้เข้ายึดโรงพยาบาลจิตเวชในเมืองสวาโตโว ซึ่งเป็นอาคารที่มีเครือข่ายห้องใต้ดินจำนวนมาก และเป็นเป้าหมายระหว่างทาง ก่อนที่จะพยายามมุ่งหน้าบุกเข้ายึดเมืองลิซิคานสก์และซิวีโรโดเนตสก์ ซึ่งเป็น 2 เมืองใหญ่ของแคว้นลูฮันสก์ คืนจากฝ่ายยูเครน
ขณะที่ อเล็กซานเดอร์ คอตส์ ผู้สื่อข่าวสงครามของหนังสือพิมพ์ Komsomolskaya Pravda ของรัสเซีย รายงานสถานการณ์ในแนวรบที่เมืองลีมาน โดยระบุว่า กองทัพรัสเซียตัดสินใจถอนกำลัง เนื่องจากความเสี่ยงที่อาจถูกปิดล้อมและถูกจับกุมเป็นเชลย
“ความเสี่ยงของการถูกปิดล้อมและถูกจองจำอย่างน่าอับอายนั้นมากเกินไป ทำให้ผู้บัญชาการรัสเซียตัดสินใจถอนกำลัง” คอตส์กล่าว แต่ยังคงพยายามยกย่องความกล้าหาญและการอุทิศตนของกองกำลังฝักใฝ่รัสเซีย
ภาพ: Photo by Anatolii Stepanov / AFP
อ้างอิง:
