ศาลอังกฤษสั่งจำคุกตลอดชีวิตไม่มีการพักโทษ ‘ตำรวจลอนดอน’ ก่อคดีสะเทือนขวัญ ลวงหญิงวัย 33 ปีไปข่มขืนและฆ่า

เมื่อวานนี้ (30 กันยายน) เวย์น คัสเซนส์ ตำรวจอังกฤษ ถูกตัดสินจำคุกตลอดชีวิตโดยไม่มีการพักการลงโทษ ในความผิดกรณีลักพาตัว ข่มขืน และสังหาร ซาราห์ เอเวอราร์ด หญิงวัย 33 ปี โดยเหตุเกิดเมื่อเดือนมีนาคม 2021 ซึ่งถือเป็นคดีที่จุดชนวนให้เกิดความโกรธเคืองและการอภิปรายระดับชาติเกี่ยวกับความรุนแรงต่อสตรี

อัยการกล่าวว่า เอเวอราร์ดกำลังเดินไปที่บ้านในลอนดอนของเธอเมื่อวันที่ 3 มีนาคม เมื่อ เวย์น คัสเซนส์ ใช้บัตรประจำตัวตำรวจและกุญแจมือเพื่อลวงเธอให้ขึ้นรถของเขา โดยอ้างว่าเธอละเมิดข้อกำหนดในสถานการณ์โควิด เขายังข่มขืนและรัดคอเธอด้วยเข็มขัดตำรวจในเย็นวันนั้นด้วย

การลงโทษจำคุกตลอดชีวิต (Life Sentence) ถือเป็นบทลงโทษบังคับสำหรับผู้ที่มีความผิดฐานฆาตกรรมในสหราชอาณาจักร แต่โดยปกติแล้วจะขึ้นอยู่กับศาลในการพิจารณาระยะเวลาขั้นต่ำในการรับโทษก่อนที่จะมีการปล่อยตัวก่อนกำหนด ซึ่งแม้ผู้กระทำผิดจะถูกปล่อยตัวแล้ว แต่หากไปก่ออาชญากรรมอีกพวกเขาก็สามารถถูกส่งตัวกลับเรือนจำได้ตลอดเวลา

อย่างไรก็ดี กรณีโทษของคัสเซนส์นั้นถือเป็นการลงโทษจำคุกตลอดชีวิตแบบ Whole-life Term ซึ่งหนักหนากว่า และถือเป็นสิ่งที่พบได้ยากในสหราชอาณาจักร โดยสงวนไว้สำหรับการก่ออาชญากรรมที่ร้ายแรงเป็นพิเศษ และนั่นหมายความว่าจำเลยจะไม่ถูกพิจารณาพักการลงโทษ

ข้อมูลจากกระทรวงยุติธรรมสหราชอาณาจักรจนถึงเดือนมิถุนายน 2021 ระบุว่า มีนักโทษที่ถูกโทษจำคุกตลอดชีวิตแบบไม่มีการพักการลงโทษดังกล่าวเพียง 60 คนเท่านั้น จากนักโทษกว่า 7,000 คนที่ถูกลงโทษจำคุกตลอดชีวิตในสหราชอาณาจักร ทนายความฝ่ายจำเลยของคัสเซนส์ไม่ประสบความสำเร็จในการโน้มน้าวให้ศาลเห็นว่าคดีนี้ไม่เข้าเกณฑ์สำหรับโทษจำคุกตลอดชีวิตที่ไม่มีการพักโทษดังกล่าว

คัสเซนส์ยังถูกไล่ออกจากหน่วยตำรวจนครบาลลอนดอนในเดือนกรกฎาคม ไม่กี่วันหลังจากเขารับสารภาพว่าได้กระทำการลักพาตัว ข่มขืน และสังหาร ซาราห์ เอเวอราร์ด ไปจริง

สำนักข่าว CNN รายงานว่าขณะที่คัสเซนส์ยืนอยู่ในพื้นที่ของจำเลย เขาก้มศีรษะและหลับตาลง เช่นเดียวกับที่เขาทำมาตลอดการพิจารณาไต่สวนเพื่อกำหนดโทษเป็นเวลา 2 วัน โดยผู้พิพากษาวิจารณ์พฤติกรรมของคัสเซนส์ว่าเป็นการแสดงถึงความเวทนาตนเอง ขณะที่มีรายงานว่าพ่อ แม่ พี่สาว ตลอดจนเพื่อนของซาราห์ เอเวอราร์ดอยู่ในศาลอาญากลางของอังกฤษและเวลส์ในกรุงลอนดอนด้วย

เอเวอราร์ดหายตัวไปในตอนเย็นของวันที่ 3 มีนาคม หลังจากออกจากบ้านเพื่อนในย่านแคลปแฮมทางตอนใต้ของกรุงลอนดอน ศพของเธอถูกพบในอีกไม่กี่วันต่อมาในป่าใกล้เมืองแอชฟอร์ดของมณฑลเคนท์ ซึ่งอยู่ห่างจากจุดที่พบเธอครั้งสุดท้ายไปมากกว่า 50 ไมล์ และคัสเซนส์ก็ถูกจับกุมตัวภายหลังที่บ้านของเขาในเคนท์ ใกล้กับจุดที่พบร่างของเอเวอราร์ด

ทั้งนี้การพิจารณาไต่สวนเพื่อกำหนดโทษตลอด 2 วันเป็นโอกาสที่อัยการจะนำเสนอข้อเท็จจริงว่าเกิดอะไรขึ้นเมื่อเดือนมีนาคม และเป็นโอกาสของครอบครัวเอเวอราร์ดที่จะอ่านคำแถลงผลกระทบ โดยอัยการทอม ลิตเติล สรุปการกระทำของคัสเซนส์ว่าเป็นการ “หลอกลวง, ลักพาตัว, ข่มขืน, รัดคอ และเผา” และยังระบุถึงสิ่งที่พยานเห็นการลักพาตัวเกิดขึ้น ข้อมูลที่คัสเซนส์แจ้งต่อจิตแพทย์ถึงการใช้เข็มขัดรัดคอเอเวอราร์ด ตลอดจนการเผาร่างของเธอหลังจากได้ลงมือสังหาร แล้วย้ายร่างไปไว้ในถุงซึ่งซื้อมาเป็นการเฉพาะ

ส่วนการแถลงของครอบครัวเอเวอราร์ดนั้น ซูซาน แม่ของซาราห์ เอเวอราร์ด เรียกร้องให้คัสเซนส์ซึ่งก้มหน้าและปิดตาระหว่างการพิจารณานั้นมองไปที่ครอบครัวของเธอระหว่างการอ่านแถลงการณ์ และบอกว่าลูกสาวของเธอต้องใช้เวลาหลายชั่วโมงสุดท้ายบนโลกใบนี้กับสิ่งที่เลวร้ายที่สุดของความเป็นมนุษย์ ลูกสาวของเธอเสียชีวิตเพราะคัสเซนส์ต้องการสนองความต้องการในทางที่ผิดของเขา และบอกว่าเธอถูกหลอกหลอนจากความหวาดกลัวจากเหตุการณ์นี้

“การเผาร่างของเธอถือเป็นการดูหมิ่นครั้งสุดท้าย นั่นหมายความว่าเราจะไม่มีวันได้เห็นใบหน้าของเธออีกเลย และไม่มีวันได้บอกลา” ซูซานกล่าว นอกจากนี้ยังมีคำแถลงจากบิดาและพี่สาวของซาราห์ เอเวอราร์ดด้วย

ขณะที่ทางครอบครัวบอกว่าพวกเขาพอใจกับโทษที่คัสเซนส์ได้รับ

“ไม่มีอะไรสามารถทำให้สิ่งต่างๆ ดีขึ้นได้ ไม่มีอะไรสามารถนำซาราห์กลับมาได้ แต่การรู้ว่าเขา (คัสเซนส์) จะถูกจำคุกตลอดไปจะช่วยบรรเทาได้” ครอบครัวเอเวอราร์ดกล่าวในแถลงการณ์

การหายตัวไปของเอเวอราร์ดทำให้เกิดความโศกเศร้าและความโกรธแค้นไปทั่วสื่อสังคมออนไลน์ จากผู้หญิงที่ออกมาเล่าประสบการณ์การถูกล่วงละเมิดทางเพศของพวกเธอเอง ในขณะเดียวกันก็ทำให้เรื่องความรุนแรงต่อผู้หญิงและเด็กผู้หญิงในสหราชอาณาจักรนั้นได้รับความสนใจ หลังเกิดเหตุการณ์ มีผู้คนออกมาร่วมชุมนุมไว้อาลัยต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นจำนวนมาก นอกจากนี้ยังมีเสียงวิจารณ์ต่อปฏิกิริยาของตำรวจนครบาลลอนดอนในช่วงไม่กี่วันหลังการหายตัวไปของเอเวอราร์ด และกล่าวหาถึงความล้มเหลวในการสืบสวนการกระทำอนาจารที่เชื่อมโยงกับคัสเซนส์ รวมถึงเสียงเรียกร้องให้ผู้บัญชาการตำรวจนครบาลลอนดอนลาออกด้วย

ภาพ: Ming Yeung / Getty Images

อ้างอิง: