‘ยูฟ่า’ กับความท้าทายในการจัดแข่งฟุตบอลชิงแชมป์สโมสรยุโรป ที่อาจต้องแข่งนัดเดียวที่สนามเป็นกลาง

เข้าเดือนกุมภาพันธ์เมื่อสายลมหนาวบอกลากันไปแล้ว ความร้อน ไอแดด (และฝุ่นควันที่ยังไม่ยอมจากกันไปไหน) สำหรับแฟนฟุตบอลแล้ว โดยปกติเป็นช่วงเวลาของความตื่นเต้นระคนปนทุกข์ เพราะหมายถึงการเตรียมตัวกลับมาอดหลับอดนอนอีกครั้งกับการแข่งขันฟุตบอลรายการชิงแชมป์สโมสรยุโรปที่จะกลับมาอย่างพร้อมหน้า

ไม่ว่าจะเป็นถ้วยเล็กอย่างยูฟ่ายูโรปาลีก หรือถ้วยใบใหญ่อย่างยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก ซึ่งมีเหล่าทีมดังและซูเปอร์สตาร์มากมายลงสนามก็ตาม

อย่างไรก็ดี สำหรับปีนี้ ซึ่งยังเป็นอีกหนึ่งปีที่มนุษย์โลกต้องทำสงครามโรคกับโควิด-19 ทำให้แม้จะพยายามทำหลายสิ่งหลายอย่างให้เหมือนเดิม สิ่งที่เราต้องยอมรับคือยังไม่มีอะไรในโลกนี้ที่กลับมาเป็นปกติสักอย่าง ซึ่งรวมถึงการแข่งขันฟุตบอลรายการชิงแชมป์ระดับทวีปด้วย

และการระบาดของเชื้อมหันตภัยเงียบที่ยังมีอย่างต่อเนื่องกำลังกลายเป็นความท้าทายที่ยิ่งใหญ่สำหรับเจ้าภาพอย่างสหพันธ์ฟุตบอลแห่งชาติยุโรป หรือยูฟ่า ที่จะต้องหาทางออกในการจัดการแข่งขันให้ลุล่วงให้ได้ เนื่องจาก ‘พันธะ’ ที่ผูกพันในเรื่องของลิขสิทธิ์การถ่ายทอดสดและสปอนเซอร์ต่างๆ นั้นมากมายมหาศาลเกินกว่าที่จะยกเลิกให้มันจบลงง่ายๆ

โดยปัญหาใหญ่ที่สุดในเวลานี้คือเรื่องของการเดินทาง ซึ่งปกติแล้วไม่ใช่เรื่องใหญ่สำหรับทีมฟุตบอลที่จะเดินทางไปทั่วยุโรปเพื่อลงแข่งขัน แต่เรื่องปกติมากๆ นี้กลายเป็นปัญหาระดับโลก เพราะการเดินทางของทีมฟุตบอลคือความเสี่ยงของการแพร่ระบาดของโรคไปยังที่ต่างๆ ซ้ำเติมเข้าไปอีก

จริงอยู่ที่ในรอบแบ่งกลุ่มสามารถจัดการแข่งขันกันได้ตามปกติ แต่สถานการณ์การระบาดมีความรุนแรงขึ้นกว่าช่วงหลายเดือนก่อนหน้านี้ ทำให้เกิดความเปลี่ยนแปลงใน ‘มาตรการควบคุมการเดินทาง’ ในหลายประเทศที่จะส่งผลอย่างชัดเจน

กรณีตัวอย่างคือเกมระหว่างลิเวอร์พูลที่จะต้องไปเยือนแอร์เบ ไลป์ซิก สโมสรฟุตบอลจากเยอรมนี ซึ่งมีกำหนดในวันที่ 16 กุมภาพันธ์นี้ แต่ปัจจุบันมีคำสั่งห้ามเที่ยวบินจากสหราชอาณาจักรเดินทางมาที่เยอรมนีจนถึงวันที่ 17 กุมภาพันธ์ โดยที่รัฐบาลเยอรมนียืนยันว่า ‘ไม่มีข้อยกเว้นใดๆ ทั้งสิ้น’ แม้แต่กับทีมกีฬาในระดับสูงสุดก็ตาม

นั่นหมายถึงลิเวอร์พูลไม่สามารถเดินทางไปแข่งขันได้ และทำให้ต้องมีการหารือร่วมกันระหว่าง 2 สโมสรและเจ้าภาพอย่างยูฟ่า ว่าจะหาทางออกร่วมกันอย่างไรได้บ้าง

ทางเลือกมีตั้งแต่การให้ไปแข่งที่สนามเป็นกลางที่ประเทศอื่นก่อนในเกมแรก หรือการแลกโปรแกรมให้มาเล่นที่สนามแอนฟิลด์ของลิเวอร์พูลก่อน แล้วจึงไปเล่นเกมเยือนในนัดที่ 2

แต่ตามรายงานจาก The Times ลิเวอร์พูลไม่เห็นด้วยกับการแลกโปรแกรมให้มาเตะที่แอนฟิลด์ก่อน ซึ่งจะต้องหาทางออกกันต่อไป

ขณะที่ทางยูฟ่ามีการตรากฎเฉพาะกาลสำหรับสถานการณ์ปัจจุบันนี้ขึ้นมาใหม่เช่นกัน โดยอิงจากกฎการแข่งขันในข้อที่ K.1.8 ระบุว่า

“คณะฝ่ายจัดการของยูฟ่ามีสิทธิ์ที่จะเลือกสนามแข่งขันสำหรับเกมใดก็ตาม หรือตัดสินว่าเกมการแข่งขันทั้ง 2 เลกในรอบใดที่เกี่ยวข้องควรจะมีการกำหนดเวลาแข่งขันใหม่ หรือแข่งในประเทศเป็นกลาง (ที่เป็นสมาชิกของยูฟ่า) และ/หรือจัดการแข่งขันแค่เลกเดียว”

นั่นหมายถึงหากไม่สามารถหาทางออกได้ ทางออกสุดท้ายที่จะเกิดขึ้นคือการลงแข่งที่สนามเป็นกลางแบบนัดเดียวจบ แต่จะมีการพิจารณาใช้ทางออกฉุกเฉินนี้เฉพาะกรณีที่มีปัญหาในเรื่องมาตรการการเดินทางเท่านั้น

ก่อนหน้านี้ลิเวอร์พูลเคยเจอสถานการณ์คล้ายกันในเกมนัดสุดท้ายของรอบแบ่งกลุ่มที่พบกับมิดชิลลันด์ เมื่อรัฐบาลอังกฤษมีคำสั่งแบนห้ามการเดินทางกลับจากเดนมาร์ก ทำให้มีกระแสข่าวว่าอาจจะต้องแข่งที่สนามเป็นกลาง แต่สุดท้ายแล้วรัฐบาลอังกฤษได้ผ่อนปรนให้สามารถทีมฟุตบอลเดินทางกลับจากเดนมาร์กได้โดยไม่ต้องกักตัว ทำให้การแข่งขันเป็นไปตามกำหนดเดิม

แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ก็มีโปรแกรมจะพบกับสโมสรจากเยอรมนีเช่นกันในการบุกรัง ‘สิงห์หนุ่ม’ โบรุสเซีย มึนเชนกลัดบัค แต่เนื่องจากมีกำหนดแข่งในวันที่ 24 กุมภาพันธ์นี้ ซึ่งพ้นคำสั่งห้ามการเดินทางไปแล้ว ทำให้ไม่น่ามีปัญหา

ที่อาจจะเป็นปัญหาอีกทีมคืออาร์เซนอล ที่รัฐบาลอังกฤษมีคำสั่งห้ามการเดินทางจากโปรตุเกส และมีการคาดกันว่าอาจจะจบลงด้วยการแข่งขันเกมเดียวจบ เพียงแต่ตามรายงานข่าวแล้วทีมกันเนอร์สต้องการแข่ง 2 นัดที่สนามเป็นกลางมากกว่า

นี่คือตัวอย่างความท้าทายเบื้องต้นที่ทางด้านยูฟ่าต้องเผชิญ

หากมองในแง่ดีก็คือการ ‘ซ้อมมือ’ ก่อนที่จะถึงการแข่งขันฟุตบอลยูโร 2020 ที่จะลงแข่งในช่วงกลางปี 2021 ซึ่งงานนั้นรับประกันได้ว่าหากวัคซีนไม่สามารถช่วยให้อะไรๆ ดีขึ้นแล้ว มีโอกาสดูไม่จืดอย่างแน่นอน

พิสูจน์อักษร: ภาวิกา ขันติศรีสกุล

อ้างอิง:

FYI

การแข่งขันฟุตบอลยูฟ่าแชมเปียนส์ลีกจะกลับมาในวันที่ 16-17 กุมภาพันธ์ โดยเป็นเกมรอบ 16 ทีมสุดท้าย เลกแรก
ในฤดูกาลที่แล้ว ยูฟ่าจัดการแข่งขันรอบน็อกเอาต์ (รวมถึงเกมตกค้าง) แบบมินิทัวร์นาเมนต์ โดยแชมเปียนส์ลีกแข่งที่ประเทศโปรตุเกส ส่วนยูโรปาลีกจัดที่ประเทศเยอรมนี