วานนี้ (24 พฤศจิกายน) เวลา 20.30 น. พรรคประชาชนนำโดย ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ สส. แบบบัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรค, ศรายุทธิ์ ใจหลัก เลขาธิการพรรค, ณัฐพงษ์ พิพัฒน์ไชยศิริ สส. อุดรธานี เขต 1 พรรคประชาชน และ คณิศร ขุริรัง ผู้สมัครนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) อุดรธานี ในนามพรรคประชาชน แถลงภายหลังผลการเลือกตั้งอย่างไม่เป็นทางการที่ ศราวุธ เพชรพนมพร ผู้สมัครนายก อบจ.อุดรธานี จากพรรคเพื่อไทย มีคะแนนนำหลังนับไปแล้ว 50%
คณิศรกล่าวว่า ขอขอบคุณประชาชนชาวจังหวัดอุดรธานีทุกคนที่มอบคะแนนให้กับพวกเราพรรคประชาชน ถือว่าคะแนนมากแต่ยังไม่ถึงกับจะชนะได้ ต้องขอบคุณประชาชนทุกคนที่ให้ความไว้วางใจพวกเรา ต้องขอแสดงความยินดีกับผู้สมัครเบอร์ 2 หรือศราวุธ ที่ได้รับคะแนนเสียงสูงสุดในการเลือกตั้งวันนี้ ถือว่าไม่ได้เสียใจอะไร การรณรงค์หาเสียงเป็นงานที่สนุก มีความสุขกับการทำงาน ได้เห็นแววตาของประชาชนหลายคนที่มีความหวังกับนโยบายที่เรานำเสนอก็ดีใจ เราจะทำงานให้หนักเพื่อเข้าถึงพี่น้องประชาชน และตนเองก็จะทำงานกับพรรคประชาชนต่อไป
ด้านณัฐพงษ์กล่าวว่า ขอแสดงความยินดีกับศราวุธ ผู้ชนะที่จะเป็นนายก อบจ.อุดรธานี คนถัดไป และเชื่อว่าการเลือกตั้งทุกสนามมีโอกาสในการเปลี่ยนแปลง การทำงานการเมืองคือการรณรงค์ทางความคิด วันนี้รู้สึกสนุกที่ได้ทำงานร่วมกับคณิศรและทีมงานที่อยู่ด้านหลังทุกคน ย้ำว่าทุกคนกำลังใจดีมาก และเชื่อว่าคณิศรจะยังเดินหน้าทำงานรับใช้ชาวอุดรต่อไป เพราะทุกนโยบายที่เรานำเสนอเป็นนโยบายที่เราตั้งใจยกระดับคุณภาพชีวิตประชาชนทั้งหมด
“แม้วันนี้เราอาจจะยังไม่มีโอกาสเข้าไปบริหาร อบจ.อุดรธานี แต่เราผลักดันวาระของผู้สมัครจากทุกเบอร์ และทุกพรรคการเมืองทุกวันนี้พูดถึงเรื่องน้ำประปาสะอาดแล้ว รวมถึงมีการบรรจุน้ำประปาสะอาดเป็นนโยบายของรัฐบาลด้วยซ้ำ ในการแถลงนโยบายต่อรัฐสภาที่ผ่านมาจะเห็นได้ว่าพรรคประชาชนประสบความสำเร็จเรื่องการผลักดันวาระของสังคม อีกทั้งการรณรงค์ทางความคิด อะไรที่เป็นปัญหาของประชาชนตอนนี้ทุกพรรค ทุกผู้สมัคร และทุกฝ่าย ต่างเห็นด้วยกันกับเรา” ณัฐพงษ์กล่าว
ณัฐพงษ์กล่าวในฐานะตัวแทนพรรคประชาชนว่า เรายังสามารถรับใช้ประชาชนได้ต่อไปในการร่วมทำงานกับคนที่เข้าไปบริหาร (ศราวุธ) หากมีนโยบายอะไรที่ตัวแทนของพรรคประชาชนสามารถเข้าไปร่วมได้เราก็ยินดีร่วมไม้ร่วมมือและพัฒนา อีกสิ่งหนึ่งที่อยากให้ทุกคนร่วมกันติดตามคือพรรคประชาชนจะเดินหน้าเต็มที่แน่นอน โดยเฉพาะการรณรงค์กันอย่างคึกคักเต็มที่อีกสนามหนึ่งคือจังหวัดอุบลราชธานี และอีก 12 สนามที่เราเปิดตัวผู้สมัครของพรรคประชาชนไปแล้ว
ส่วนการมองปัจจัยในการแพ้เลือกตั้งครั้งนี้ว่ามาจากอะไรนั้น ณัฐพงษ์กล่าวว่า เรื่องปัจจัยการแพ้-ชนะเป็นเรื่องที่ประชาชนออกมาใช้สิทธิ คงไม่ใช่ปัจจัยใดปัจจัยหนึ่ง ซึ่งตนคิดว่าการที่ผู้สมัครแต่ละท่านหรือแต่ละพรรคการเมืองจะส่งใครเป็นผู้ช่วยหาเสียงก็เป็นเรื่องปกติที่สามารถทำได้ สิ่งที่ตนคิดว่าสำคัญกว่าไม่แพ้กันคือ การทำให้การเลือกตั้งท้องถิ่นเป็นไปด้วยความคึกคักและประชาชนให้ความสนใจ
ณัฐพงษ์ย้ำว่า สิ่งที่เราเชื่อมั่นมาโดยตลอดคือเราไม่เชื่อว่าจะมีพรรคการเมืองใดพรรคการเมืองหนึ่งหรือสีใดสีหนึ่งเป็นเจ้าของ สิ่งที่เราเชื่อคือในทุกสนามการเลือกตั้งประชาชนมีสิทธิในการตัดสินใจทุกครั้ง มองในมุมกลับกันเราไม่เคยประมาท เช่นเดียวกันเราไม่เคยคิดว่าแนวโน้มที่ดีขึ้นในแต่ละครั้งจะทำให้เราชะล่าใจและกลับเป็นผู้ชนะในครั้งหน้าได้ แต่สิ่งหนึ่งที่เรามุ่งมั่นตั้งใจคือการนำเสนอแนวทางการเมืองแบบที่เราทำอยู่เพื่อส่งผลต่อการเลือกตั้งครั้งหน้า
ขณะที่ศรายุทธิ์กล่าวว่า สำหรับสนามอุดรธานีต้องยอมรับว่าวันนี้เรายังทำไม่สำเร็จ แต่ยืนยันว่าเราไม่เคยล้มเหลวในการทำงานการเมืองท้องถิ่น เพียงแต่ยังทำไม่สำเร็จในวันนี้ คะแนนของเราที่มีนัยสำคัญทุกครั้งบ่งบอกบอกว่าประชาชนให้การยอมรับเรามากขึ้นเรื่อยๆ
จากสมัยพรรคอนาคตใหม่เราได้ 17% ของผู้มาใช้สิทธิ, ปี 2563 เราได้ขึ้นมาเป็น 26%, ปี 2566 เราขึ้นมาเป็น 36% และครั้งนี้เรามั่นใจว่าน่าจะอยู่ที่ 44-45% แน่นอน ดังนั้นต้องยืนยันว่าเราไม่ได้ล้มเหลวในสนามนี้ เพียงแต่ยังทำไม่สำเร็จอย่างที่คาดหวัง แน่นอนว่าปัจจัยการเลือกตั้งมีมากมาย สิ่งที่เราเรียนรู้ในสนามนี้คือการบริหารกองอำนวยการเลือกตั้งที่สำคัญมาก เรามีผู้ที่ทำงานร่วมกับเรากว่า 100 คนในการเลือกตั้งครั้งนี้ ซึ่งเป็นประสบการณ์ที่ท้าทายของเราและทำได้ดีในระดับหนึ่งแม้ว่าจะยังไม่ดีพอที่จะชนะ
อย่างไรก็ตาม การทำงานในสนามนี้ก็ทำให้เราเรียนรู้ที่จะนำไปใช้ในสนามอื่นๆ โดยเฉพาะวันที่ 22 ธันวาคมที่จะถึงนี้ ในสนาม อบจ.อุบลราชธานี และอีกไม่น้อยกว่า 12 แห่ง ซึ่งคาดว่าจะมีการส่งเพิ่มอีก 3-5 แห่งในการเลือกตั้งวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2568 เราน่าจะส่งไม่น้อยกว่า 15 แห่ง ซึ่งก็คงจะทำให้เราทำงานอย่างคึกคักแน่นอน
ศรายุทธิ์ชี้ว่า หากมองจากตัวเลขจะเห็นว่าเราเติบโตแน่นอน การทำงานในสนามนี้เราลงลึกไปถึงระดับตำบล หมู่บ้าน อย่างที่ไม่เคยทำมาก่อน คะแนนที่ปรากฏเป็นสิ่งยืนยันว่าเราหยั่งรากลึกในจังหวัดนี้ ดังนั้นในสนามสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัด เรามั่นใจว่าเราต้องมี ส.อบจ. ในนามพรรคมากขึ้นอย่างแน่นอน ส่วนจะส่งพื้นที่ไหนบ้างค่อยมาลงรายละเอียดกันตอนเลือกตั้ง
ศรายุทธิ์ยอมรับว่าการที่เราแพ้ในหลายจุดเรามองเห็นอยู่ว่ามีจุดไหนที่เราอ่อน และยอมรับว่าเรามีจุดอ่อนจริง แต่อย่างในพื้นที่ตัวเมืองเรายังคงเข้มแข็ง ส่วนพื้นที่รอบนอกหลายจุดเรายังทำไม่ได้ดีอย่างที่เราต้องการ ก็ต้องแก้ไขกัน สิ่งที่เราเรียนรู้และเติบโตคือเราลงลึกในการทำงานและเรามองเห็นในระดับหมู่บ้าน ซึ่งหมายความว่าหากเราสามารถลงไปปกคลุมสิ่งที่เราผิดพลาด สิ่งที่เรายังทำได้ไม่เต็มที่หรือทำได้ไม่ดีพอ โอกาสในทุกๆ สนามเป็นไปได้หมด นี่เป็นสิ่งที่ดีจากประสบการณ์การทำงานในครั้งนี้
พิธามอง ‘แพ้แต่พัฒนา’
พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ อดีตหัวหน้าพรรคก้าวไกล ในฐานะผู้ช่วยหาเสียงพรรคประชาชน โพสต์ข้อความบนเฟซบุ๊กว่า “ขอแสดงความยินดีกับ คุณศราวุธ เพชรพนมพรม, คุณทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และทีมงานพรรคเพื่อไทย กับความสำเร็จของผลการเลือกตั้งครั้งนี้ครับ
“ขอส่งกำลังใจให้ คุณคณิศร ขุริรัง พรรคประชาชน และทีมงานทุกคน ถึงเรา ‘แพ้แต่พัฒนา’ ได้คะแนนเยอะกว่าก้าวไกลอีกนะครับ ช่องว่างคะแนนก็แคบลง ทั้งๆ ที่ Voting Turnout (ผู้ออกมาใช้สิทธิเลือกตั้ง) ต่ำกว่า สู้ต่อไปนะครับ สักวันต้องถึงเป้าหมายของเรา”
พิธาทิ้งท้ายว่า “สำคัญที่สุด ขอขอบคุณเป็นอย่างสูงสำหรับพ่อแม่พี่น้องชาวอุดรที่ออกมาใช้สิทธิ โดยเฉพาะทุกท่านที่ยอมเดินทาง นั่งรถไฟ รถทัวร์ หรือขึ้นเครื่องบิน กลับมาอุดรธานีเพื่อเลือกตั้งท้องถิ่น เปรียบเป็นพาวเวอร์แบงก์ให้พวกเราเดินทางไกลต่อ ก้าวไปข้างหน้าและเคียงข้างกันไป”
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ล่าสุดองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุดรธานีรายงานผลการนับคะแนนเลือกตั้งนายก อบจ.อุดรธานี อย่างไม่เป็นทางการเมื่อเวลา 22.34 น. หลังนับครบแล้วทั้ง 2,243 หน่วยเลือกตั้ง หรือครบแล้ว 100% ผลปรากฏว่า ศราวุธ เพชรพนมพร พรรคเพื่อไทย ได้อันดับ 1 ด้วยคะแนน 327,487 คะแนน ตามมาด้วย คณิศร ขุริรัง พรรคประชาชน ได้ 268,675 คะแนน และ ดนุช ตันเทอดทิตย์ กลุ่มวิถีใหม่ ได้ 17,224 คะแนน จากจำนวนผู้มีสิทธิเลือกตั้ง 1,240,066 คน และผู้มาใช้สิทธิ 646,881 คน ซึ่งคิดเป็น 52.17%