Uber แพลตฟอร์ม Ride-Sharing จากสหรัฐอเมริกา ได้ออกมาประกาศแผนธุรกิจใหม่เมื่อวันอังคารที่ 8 กันยายนที่ผ่านมาตามเวลาท้องถิ่น โดยตั้งเป้าจะเป็นผู้ให้บริการร่วมเดินทางที่ใส่ใจพลังงานสะอาดอย่างเต็มรูปแบบ รวมถึงการเปลี่ยนมาใช้รถยนต์พลังงานไฟฟ้าให้ได้ภายในปี 2030 หรืออีก 10 ปีต่อจากนี้
ดารา คอสราวชาฮี (Dara Khosrowshahi) ซีอีโอของ Uber เผยผ่านรายงานในแถลงการณ์ ‘Driving a Green Recovery’ โดยบอกว่า Uber มุ่งมั่นที่จะกลายเป็นแพลตฟอร์มที่มีการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์เป็นศูนย์ให้ได้ 100% ภายในปี 2040 ผ่านการใช้งานรถยนต์พลังงานสะอาดที่มีการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เป็นศูนย์เช่นกัน
แต่กว่าจะถึงตอนนั้น Uber และดาราก็ได้ตั้งเป้าหมายที่จะทำให้เกิดขึ้นจริงให้ได้เร็วที่สุด โดยระบุไว้ว่าภายในปี 2030 รถยนต์ที่ให้บริการผ่านแพลตฟอร์มของพวกเขาทุกคันในสหรัฐฯ แคนาดา และเมืองในยุโรปจะต้องเปลี่ยนมาเป็นรถยนต์ไฟฟ้าให้ได้แบบ 100% นอกจากนี้ยังได้ประกาศแผนการสนับสนุนที่เกี่ยวข้อง 4 ข้อ ดังนี้
- เพิ่มทางเลือก Uber Green ให้ผู้ใช้บริการเลือกได้ว่าจะเดินทางด้วยพาหนะยานยนต์แบบไฮบริดหรือรถยนต์พลังงานไฟฟ้า EV
- อัดฉีดเงินมูลค่า 800 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพื่อช่วยคนขับกว่าหลายแสนคนในการเปลี่ยนผ่านมาใช้รถยนต์พลังงานสะอาดให้ได้ภายในปี 2025
- ลงทุนในเครือข่ายหลายรูปแบบของบริษัท เพื่อโปรโมตทางเลือกที่ยั่งยืนมากกว่ารถยนต์ส่วนบุคคล
- ตั้งเป้าเป็นองค์กรที่โปร่งใส และสามารถอธิบายประเด็นต่างๆ ต่อสาธารณชนได้ตลอดโรดแมป Driving a Green Recovery นี้
นอกเหนือจากนี้ คนขับที่ใช้พาหนะรับงานเป็นรถยนต์พลังงานไฟฟ้าก็จะได้รับอินเซนทีฟตอบแทนที่ดีกว่าในแต่ละทริปที่ให้บริการด้วย ยกตัวอย่างเช่น ในสหรัฐฯ และแคนาดา คนขับรถยนต์ไฟฟ้าและไฮบริดจะได้รับค่าตอบแทนเพิ่ม 50 เซนต์ในทุกๆ ทริปการให้บริการแบบ Uber Green ส่วนคนขับที่ให้บริการด้วยรถยนต์ไฟฟ้าแบบ 100% ที่มีการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์เป็นศูนย์ก็จะได้รับค่าตอบแทนเพิ่มอีก 1 ดอลลาร์สหรัฐ หรือรวมเป็น 1.5 ดอลลาร์สหรัฐนั่นเอง
“โลกกำลังอยู่ในช่วงรอยต่อที่สำคัญ และเราทุกคนก็ล้วนแล้วแต่มีบทบาทหน้าที่ของตัวเอง สำหรับ Uber เราตั้งเป้าหมายที่ใหญ่ไว้ นั่นคือการสร้างแพลตฟอร์มหลายรูปแบบที่มีประสิทธิภาพ ไม่มีการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์สำหรับโลกที่ยังต้องการการเดินทาง แม้เราจะไม่ใช่ผู้ให้บริการรายแรกที่ตั้งเป้าหมายทะเยอทะยานแบบนี้ในการเปลี่ยนผ่านสู่การใช้รถยนต์พลังงานไฟฟ้า แต่เราก็ตั้งใจจะเป็นผู้ที่ทำให้มันเกิดขึ้นให้ได้เป็นรายแรก
“การแข่งขันเพื่อความยั่งยืนคือชัยชนะสำหรับโลกใบนี้ นี่เป็นเพียงแค่จุดเริ่มต้น เราคาดหวังว่า Uber จะถูกตัดสินจากการกระทำของพวกเราเองต่อจากนี้ ซึ่งการประสบความสำเร็จสูงสุดในเชิงธุรกิจของบริษัทก็ขึ้นอยู่กับความสามารถของเราในการเปลี่ยนผ่านแพลตฟอร์มไปสู่ความร่วมมือกับคนขับ นวัตกรของอุตสาหกรรมและรัฐบาลในการขับเคลื่อนพลังงานสะอาด นี่คือสิ่งที่ถูกต้องสำหรับลูกค้า เมืองของเรา ผู้ถือหุ้น และโลกใบนี้ที่เราอยากจะแชร์” ซีอีโอ Uber กล่าวทิ้งท้าย
พิสูจน์อักษร: ลักษณ์นารา พักตร์เพียงจันทร์
อ้างอิง