แพท เกลซิงเกอร์ ซีอีโอของ Intel ผู้ผลิตชิปรายใหญ่ของโลก ออกมาระบุว่า สหรัฐฯ ควรให้การสนับสนุนและลงทุนในบริษัทผู้ผลิตชิปสัญชาติอเมริกันมากกว่าคู่แข่งในเอเชียอย่าง TSMC และ Samsung เพื่อควบคุมเรื่องทรัพย์สินทางปัญญาไม่ให้รั่วไหลออกนอกประเทศ
สัปดาห์ที่ผ่านมา Samsung Electronics ได้ประกาศแผนเตรียมลงทุนสร้างโรงงานผลิตชิปแห่งใหม่มูลค่าราว 1.7 หมื่นล้านดอลลาร์ ในเท็กซัส ขณะที่ TSMC ได้เริ่มก่อสร้างโรงงานผลิตชิปแห่งใหม่มูลค่า 1.2 หมื่นล้านดอลลาร์ ในแอริโซนาไปแล้วตั้งแต่เดือนมิถุนายน โดยการสร้างโรงงานใหม่ของทั้งสองบริษัทเป็นผลมาจากการส่งเสริมของรัฐบาลสหรัฐฯ ที่ต้องการให้มีฐานการผลิตชิปในสหรัฐฯ มากขึ้น
“นอกจากการส่งเสริม Samsung และTSMC รัฐบาลสหรัฐฯ ควรลงทุนมากขึ้นในบริษัทสัญชาติอเมริกันอย่าง Micron, Texas Instruments และ Intel ถ้าพวกเขาต้องการให้ทรัพย์สินทางปัญญาอยู่ในประเทศ” เกลซิงเกอร์กล่าวในงานสัมมนา Fortune Brainstorm Tech ที่แคลิฟอร์เนีย
ปัจจุบันสหรัฐฯ อยู่ระหว่างการพิจารณาร่างกฎหมายที่เรียกว่า CHIPS Act ซึ่งเมื่อผ่านแล้วจะทำให้อุตสาหกรรมผลิตชิปของสหรัฐฯ ได้รับงบสนับสนุนราว 5.2 หมื่นล้านดอลลาร์ โดยงบประมาณดังกล่าวมีวัตถุประสงค์ให้สหรัฐฯ ลดการพึ่งพาการผลิตชิปจากไต้หวัน
“ไต้หวันไม่ใช่สถานที่ที่มีความมั่นคง ในสัปดาห์ที่ผ่านมา รัฐบาลจีนส่งเครื่องบินรบ 27 ลำ เข้าไปบินเหนือน่านฟ้าของไต้หวัน เหตุการณ์เช่นนี้ทำให้คุณสบายใจหรือเปล่าล่ะ” เกลซิงเกอร์กล่าว
เกลซิงเกอร์ระบุว่า การดึงฐานการผลิตชิปของ TSMC และ Samsung เข้ามาตั้งอยู่บนแผ่นดินสหรัฐฯ ก็ถือเป็นเรื่องดีในแง่การลดความเสี่ยงจากปัญหาภูมิรัฐศาสตร์ซึ่งอาจส่งผลต่อการขาดแคลนชิป แต่เขายังเชื่อว่าการสนับสนุนผู้ผลิตชิปสัญชาติอเมริกันเองจะให้ผลประโยชน์ที่มากกว่าในแง่การเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์จากงานวิจัยและพัฒนา
“คุณต้องการให้ทรัพย์สินทางปัญญา งานวิจัยและพัฒนา รวมถึงภาษีอยู่ที่นี่ในสหรัฐฯ หรืออยากให้มันกลับไปยังเอเชียล่ะ” เกลซิงเกอร์กล่าวในงานสัมมนา
ในเดือนกันยายนที่ผ่านมา Intel มีการประกาศแผนสร้างโรงงานผลิตชิปและเซมิคอนดักเตอร์ใหม่ 2 แห่ง มูลค่ารวมกัน 2 หมื่นล้านดอลลาร์ ในแอริโซนา โดยปัจจุบัน Intel ถือเป็นบริษัทสัญชาติอเมริกันเพียงแห่งเดียวที่ทั้งออกแบบและผลิตชิปด้วยตัวเอง
เกลซิงเกอร์มองว่า การอุดหนุนจากรัฐบาลเป็นสิ่งที่จำเป็นที่จะช่วยให้ Intel ก้าวขึ้นมาแข่งขันกับผู้นำตลาดในปัจจุบันอย่าง TSMC และ Samsung ได้ พร้อมยกตัวอย่างรัฐบาลของไต้หวันและเกาหลีใต้ที่มีงบอุดหนุนบริษัทผู้ผลิตชิปในประเทศ
“คุณจะแข่งขันกับคู่แข่งที่ได้รับงบอุดหนุนจากรัฐบาล 30-40% ได้อย่างไร นั่นหมายความว่าเราไม่ได้กำลังแข่งกับแค่ TSMC และ Samsung แต่เรากำลังแข่งกับไต้หวันและเกาหลีใต้ รัฐบาลจีนก็เริ่มส่งเสริมผู้ผลิตชิปในประเทศแล้วเช่นกัน” เกลซิงเกอร์กล่าว
ข้อมูลจาก Statista ระบุว่า ปัจจุบัน TSMC ถือเป็นผู้นำด้านการผลิตชิปของโลกด้วยส่วนแบ่งตลาด 52.9% ขณะที่ Samsung ตามมาเป็นอันดับ 2 ด้วยส่วนแบ่งการตลาด 17.3%
อ้างอิง: