เวียดนามเผชิญกับพายุที่รุนแรงที่สุดในรอบ 30 ปี ก่อให้เกิดความเสียหายอย่างหนักทั่วภาคเหนือของประเทศ ส่งผลให้ประชาชนกว่า 1.5 ล้านคนไม่มีไฟฟ้าใช้ แม้ว่าในขณะนี้พายุลูกนี้จะอ่อนกำลังลงเป็นดีเปรสชันเขตร้อนแล้ว แต่ทางการยังเตือนว่า พายุยางิอาจก่อให้เกิดความเสียหายเพิ่มเติมขณะที่กำลังเคลื่อนตัวไปทางทิศตะวันตก
มีรายงานว่า สะพานฟงเจ่า (Phong Chau Bridge) ข้ามแม่น้ำแดงในจังหวัดฟู้เถาะทางตอนเหนือของเวียดนาม ซึ่งปกติแล้วจะมีรถยนต์สัญจรอยู่ตลอด พังถล่มลงจากอิทธิพลพายุ ทำให้รถยนต์ 10 คันและรถจักรยานยนต์ 2 คันตกลงไปในแม่น้ำ โดย โฮ ดึ๊ก ฟุก รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า มีรถบรรทุกคันหนึ่งร่วงลงสู่แม่น้ำขณะที่สะพานพังลง โดยคนขับไม่มีเวลาหยุดรถ ซึ่งเหตุการณ์นี้ถูกบันทึกภาพวิดีโอไว้ เบื้องต้นมีผู้ที่ได้รับการช่วยเหลือจากแม่น้ำอย่างน้อย 3 คน
นอกจากนี้ พายุดังกล่าวยังทำให้ประชาชนกว่า 240 คนได้รับบาดเจ็บ นับเป็นพายุที่รุนแรงที่สุดในเอเชียของปีนี้ ด้านกระทรวงเกษตรและการพัฒนาชนบทระบุว่า มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 44 คนจากเหตุการณ์ดินถล่มและน้ำป่าไหลหลาก ซึ่งในจำนวนนี้ มีทั้งหญิงวัย 68 ปี เด็กชายวัย 1 ขวบ และทารกแรกเกิด
ทั้งนี้ ไต้ฝุ่นยางิยังพัดหลังคาบ้านเรือนจนปลิวว่อน ต้นไม้โค่นล้มหลายต้น และสร้างความเสียหายอย่างรุนแรงต่อโครงสร้างพื้นฐานและโรงงานในภาคเหนือ โดยภาพถ่ายจากสำนักข่าว Reuters เผยให้เห็นว่า ผนังโรงงาน LG ในเมืองไฮฟองพังทลายลง
ส่วนในจังหวัดเอียนบ๊าย ระดับน้ำท่วมสูงถึง 1 เมตรในวันจันทร์ (9 กันยายน) ทำให้ครอบครัวกว่า 2,400 ครัวเรือนต้องอพยพไปยังพื้นที่ที่สูงขึ้น ขณะที่ประชาชนเกือบ 50,000 คนได้รับการอพยพออกจากเมืองชายฝั่งแล้ว ซึ่งทางการยังออกคำเตือนให้ประชาชนในพื้นที่อื่นๆ ที่ได้รับผลกระทบอยู่แต่ในบ้าน ส่วนโรงเรียนใน 12 จังหวัดทางเหนือ รวมถึงกรุงฮานอย ถูกสั่งปิดชั่วคราว
ก่อนที่ไต้ฝุ่นยางิจะเคลื่อนที่เข้าพัดถล่มเวียดนาม พายุนี้คร่าชีวิตผู้คนไปแล้ว 24 คนในจีนตอนใต้และฟิลิปปินส์ ขณะที่ภาวะโลกร้อนมีส่วนทำให้ไต้ฝุ่นทวีความรุนแรงขึ้น ทั้งในแง่ความเร็วลมและปริมาณน้ำฝน
ภาพ: Getty Images
อ้างอิง: