ซูเปอร์ไต้ฝุ่น ‘ราอี’ (Rai) พัดขึ้นฝั่งที่เกาะเซียร์เกา ซึ่งเป็นเกาะตากอากาศยอดนิยมของฟิลิปปินส์ เมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตที่ได้รับการยืนยันแล้ว 12 ราย ขณะที่องค์การสหประชาชาติ (UN) คาดการณ์ว่าประชาชนประมาณ 13 ล้านคนอาจได้รับผลกระทบ
เกาะท่องเที่ยวยอดนิยมเป็นหนึ่งในพื้นที่ที่ได้รับความเสียหายอย่างหนัก หลังจากพายุไต้ฝุ่นกำลังแรงพัดผ่านทางตอนใต้ของฟิลิปปินส์ ทำให้เกิดฝนตกหนักและลมแรงถึงราว 195 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ส่งผลให้ต้นไม้บนเกาะเซียร์เกาถูกถอนรากถอนโคนและสายไฟโค่นล้ม นอกจากนี้ พายุยังได้พัดพาบ้านเรือนบนเกาะพังเสียหายตลอดเส้นทางที่เคลื่อนผ่าน ทำให้ประชาชนหลายแสนคนต้องกลายเป็นคนไร้ที่อยู่
ขณะที่มีรายงานว่า อาคารผู้โดยสารของสนามบินหลักได้รับความเสียหาย อย่างไรก็ดี ได้มีการขจัดสิ่งกีดขวางทางวิ่งเครื่องบินให้สามารถใช้การได้เพื่อสนับสนุนการดำเนินการบรรเทาทุกข์
นอกจากนี้ พายุราอียังได้พัดถล่มเกาะเลย์เต โบโฮล และเซบู ขณะเคลื่อนตัวไปทางทิศตะวันตก ทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน หลังจากแม่น้ำหลายสายไหลท่วมตลิ่ง ชาวบ้านต้องอพยพหนีภัยน้ำท่วมที่แผ่ขยายเป็นวงกว้าง
วิดีโอที่โพสต์บนโซเชียลมีเดียแสดงให้เห็นกระแสลมที่รุนแรง และสร้างความเสียหายต่ออาคารในเมืองเซบู ซึ่งเป็นเมืองใหญ่อันดับสองของฟิลิปปินส์
ในจังหวัดซูริเกาเดลนอร์เต ทางตะวันตกของเกาะเซียร์เกา เออร์เนสโต มาตูกาส นายกเทศมนตรีเมืองซูริเกา กล่าวว่า พายุราอีสร้างผลกระทบรุนแรง
“ทุกอย่างเสียหาย หลังคาปลิวว่อน ถนนทางเข้าถูกปิดกั้นเนื่องจากดินถล่ม” เขากล่าวกับสถานีโทรทัศน์ ABS-CBN ของฟิลิปปินส์
ฟิลิปปินส์ประสบกับวาตภัยบ่อยครั้ง โดยมีพายุและไต้ฝุ่นเฉลี่ย 20 ลูกต่อปี
เมื่อเดือนพฤศจิกายน 2020 ซูเปอร์ไต้ฝุ่นโคนี (Goni) พัดถล่มฟิลิปปินส์ ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตและสร้างความเสียหายให้กับประเทศอย่างมาก โดยถือเป็นพายุที่รุนแรงที่สุดที่พัดถล่มฟิลิปปินส์นับตั้งแต่ไต้ฝุ่นไห่เยี่ยน (Haiyan) คร่าชีวิตผู้คนไปมากกว่า 6,000 คนในปี 2013
ภาพ: George Calvelo / NurPhoto via Getty Images
อ้างอิง: