ก่อนจะถึงซูเปอร์โบวล์ครั้งที่ 58 สัปดาห์หน้า ระหว่าง แคนซัส ซิตี้ ชีฟส์ กับ ซาน ฟรานซิสโก โฟร์ตี้นายเนอร์ส
ผมนึกถึงประเด็นเมื่อยุค 90 ขึ้นมาได้ว่า สองทีมนี้เคยมีอดีตที่ผูกพันกันจากควอร์เตอร์แบ็กระดับตำนานที่ชื่อ โจ มอนทาน่า
ก่อนที่โลกจะรู้จักกับ ทอม เบรดี้
ควอร์เตอร์แบ็กผู้ยิ่งใหญ่สุดของ NFL ก็คือ มอนทาน่า ผู้ที่ทำให้โฟร์ตี้นายเนอร์สสุดยิ่งใหญ่เมื่อยุค 80 กวาดไปถึงสี่แชมป์
อย่างไรก็ตาม บทสุดท้ายในอาชีพ เขากลับต้องจากลาซาน ฟรานซิสโก มาด้วยสภาพหมาล่าเนื้อ แข่งให้กับชีฟส์อยู่สองฤดูกาลแทน
ขนาดบั้นปลายอาชีพแล้ว มอนทาน่ากลับผลักดันชีฟส์ให้มีความสำเร็จสุดตั้งแต่ซีซัน 1969 แม้ไม่ได้แชมป์ก็ตาม
เพราะอะไรทำให้เขาต้องกลายเป็นส่วนเกินของโฟร์ตี้นายเนอร์ส
ทุกวงการอาชีพ คำว่า หมาล่าเนื้อ สามารถใช้ได้ทั้งนั้น
เมื่อมันยังมีร่างกายเข้มแข็ง ฟันยังแข็งแรง สามารถล่าเนื้อให้เจ้าของ มันก็จะได้รับส่วนแบ่งเศษเนื้อ ถูกเลี้ยงไว้ใช้งาน แต่เมื่ออายุมากขึ้น ร่างกายและฟันไม่แข็งแรงเช่นเดิม เจ้าของจะมองข้ามคุณค่า ถอดปลอกคอ ปล่อยให้ออกหากินเอง
ขนาดมอนทาน่าทำให้ทีมได้สองแชมป์ พอร่างกายเริ่มประสบปัญหา อาการบาดเจ็บหลังรุนแรงเมื่อปี 1986 จนเกือบต้องรีไทร์
ฝ่ายบริหารไม่สนอะไรทั้งสิ้น รีบมองหาตัวแทนใหม่โดยทันที เทรดเอา สตีฟ ยังมาจาก แทมป้า เบย์ บัคคาเนียร์ส เมื่อปี 1987 พร้อมคำสัญญาจะให้เป็นตัวจริง
ยังได้สลับลงแข่งสามเกมช่วงมอนทาน่าบาดเจ็บ และฟอร์มดีด้วยซ้ำ
มอนทาน่าในวัย 32 ปีกลับฟื้นอย่างน่าอัศจรรย์ ขว้าง 31 ทัชดาวน์มากสุดในอาชีพ ในการลงแข่งเพียง 13 เกม พาโฟร์ตี้นายเนอร์สคว้าแชมป์สองสมัยซ้อนในปี 1988 และ 1989
สองซีซันดังกล่าว มอนทาน่าขว้างรวม 44 ทัชดาวน์ เสียแค่ 18 อินเทอร์เซ็ปต์ ฤดูกาลปกติ และอีก 19 ทัชดาวน์ เสียแค่อินเทอร์เซ็ปต์เดียวในโพสต์ซีซัน
พร้อมครองตำแหน่ง เอ็มวีพี ซูเปอร์ โบวล์ สมัยสาม เป็นควอร์เตอร์แบ็กคนแรกประวัติศาสตร์ลีกที่ทำได้
แน่นอน เขาไม่สามารถลงแข่งครบทุกนัด
ยัง ก็ก้าวเข้ามาแทน พาทีมชนะ 5 ใน 6 นัด ขว้างหกทัชดาวน์ เสียแค่สามอินเทอร์เซ็ปต์
โดยคุณสมบัติพิเศษของยังก็คือสามารถวิ่งเอง เป็นการเพิ่มมิติให้เกมบุก
ถึงกระนั้น ฝ่ายบริหารกลับไม่กล้าแยกทางกับมอนทาน่า เพราะเห็นเขาประสบความสำเร็จต่อเนื่อง
บรรยากาศแข่งขันของควอร์เตอร์แบ็กทั้งสองคนกลายเป็นสิ่งที่สื่อยุคดังกล่าวละเลงกันสนุก ถึงขั้นความเกลียดชังกันและกัน
มอนทาน่าเก่งไม่เลิก ติดทีมตัวจริง ออลโพร 1990 เมื่อขว้างทำระยะมากสุดอาชีพ 3,944 หลา 26 ทัชดาวน์
นายเนอร์สทำท่าจะได้แชมป์สามปีซ้อน แต่เกมชิงคอนเฟอเรนซ์ เอ็นเอฟซี กลับพลาดท่าแพ้ นิว ยอร์ค ไจแอนท์ส โดยมอนทาน่าบาดเจ็บตั้งแต่ต้นเกม
ซีซัน 1991 มอนทาน่าบาดเจ็บข้อศอกตั้งแต่อุ่นเครื่อง ต้องพักยาว
นั่นคือโอกาสให้ฝ่ายบริหารทีมและโค้ช จอร์จ ซีเฟิร์ต หันไปใช้งานยัง เป็นควอร์เตอร์แบ็กตัวจริงเต็มเวลา
ยังไม่ทำให้ผิดหวัง ทั้งขว้างทำระยะต่อครั้งมากสุดในลีก และมีเรตติ้งดีสุดในลีก
อาการบาดเจ็บยังหลอกหลอนมอนทาน่าถึงซีซัน 1992 เมื่อข้อต่อบริเวณศอกอักเสบรุนแรงจนต้องผ่าตัดครั้งที่สาม
ขณะเดียวกัน ยัง เดินหน้าไม่หยุด คว้าเอ็มวีพี ลีก และนำเอ็นเอฟแอล ทั้งขว้างเข้าเป้า ทัชดาวน์ และเรตติ้ง ช่วยนายเนอร์ส สถิติ 13-2 ได้เปรียบแข่งในบ้านตลอดเพลย์ออฟ
แฟนนายเนอร์สตัวจริงเสียงจริงกลับโหยหามอนทาน่าอยู่ดี
บรรยากาศในล็อกเกอร์รูมก็แตกร้าว เพราะผู้เล่นบางส่วนยังจงรักภักดีต่อมอนทาน่า
เขาลงแข่งให้แฟนหายคิดถึง เกมปิดท้ายฤดูกาลปกติ 1992 ซึ่งไม่มีผลใดๆ ขว้างเข้าเป้า 15 จาก 21 ครั้ง สองทัชดาวน์
จนหลายคนถึงกับเพ้อไปว่า ทีมคงกลับไปใช้งานมอนทาน่าในรอบเพลย์ออฟ
ความเป็นจริงก็คือ ยัง ยึดครองตำแหน่งแน่นอนแล้ว แม้บั้นปลายจะพลาดท่าพ่าย ดัลลัส คาวบอยส์ รอบชิง เอ็นเอฟซี ก็ตาม
จากนั้นฝ่ายบริหารก็หาทางเขี่ยมอนทาน่าในวัย 36 ปี
ฟีนิกซ์ คาร์ดินัลส์ (ชื่อในขณะนั้น) สนใจมาก แต่มอนทาน่าอยากไป แคนซัส ซิตี้ มากกว่า
ฝ่ายบริหารดันไม่พอใจข้อเสนอจากชีฟส์ ชอบใจข้อเสนอจากคาร์ดินัลส์ แต่มอนทาน่าไม่ยอมไป
เรื่องคาราคาซังอยู่พักใหญ่ ข่าวลือออกมาหลายทิศหลายทาง จนยังทนไม่ไหว คุยกับ ฝ่ายบริหารทีมว่าตกลงจะเอาอย่างไร
ถ้าไม่ให้เป็นตัวจริงก็เทรดเขาออกไปซะเลย
ท้ายสุดนายเนอร์สก็ยอมรับการเทรดมอนทาน่าจากชีฟส์ ได้ ดราฟต์รอบแรก อันดับ 18 แลกกับการเสียมอนทาน่า, ดราฟต์รอบสาม ปี 1993 และ เซฟตี้ เดวิด วิตเมอร์
โดยมอนทาน่าเซ็นสัญญาสามปีกับชีฟส์ พร้อมค่าจ้าง 10 ล้านดอลลาร์ ทั้งๆ ถ้าไปคาร์ดินัลส์จะได้ถึง 15 ล้านดอลลาร์ หรือมากกว่า 50%
นายเนอร์สเอาสิทธิ์อันดับ 18 ส่งให้คาร์ดินัลส์ต่อเพื่อแลกเป็นอันดับ 20 กับรอบห้า (116)
ได้อันดับ 20 มาแล้ว พวกเขาก็ยื่นให้ นิว ออร์ลีนส์ เซ้นต์ส แลกอันดับ 26 กับรอบสาม (อันดับ 81)
อันดับ 26 ที่ว่ากลายเป็น เดน่า สตั้บเบิ้ลฟิลด์ ผู้กลายมาเป็นยอดดีเฟ้นซีฟแท็คเกิ้ล ติดโพรโบวล์สามสมัย และออลโพรตัวจริงในปี 1997
ชีฟส์เคยพลาดหวังเพลย์ออฟสามปีติด ไม่เพียงเอามอนทาน่าเข้ามา ยังเซ็นสัญญา มาร์คัส แอลเล่น รันนิ่งแบ็กตำนานจากคู่แค้น แอลเอ เร้ดเดอร์ส ด้วย
พวกเขาเปลี่ยนทรงเกมบุกเป็นระบบเวสต์ โคสท์เพื่อมอนทาน่า จ้าง พอล แฮกเก็ตต์ โค้ชควอร์เตอร์แบ็กนายเนอร์สมาดูแลเกมบุก
ชีฟส์สามารถครองแชมป์ดิวิชั่นหนแรกรอบ 22 ปี
มอนทาน่าขว้าง 2,144 หลา 13 ทัชดาวน์ 7 อินเทอร์เซ็ปต์ เรตติ้ง 87.4 ด้วยวัย 37 ปี ซึ่งสมัยนั้นถือว่าน่าทึ่งมาก
เขาช่วยชีฟส์คัมแบ็กคว้าชัยเพลย์ออฟสองเกมติด ปาทัชดาวน์ ดาวน์สี่ ส่งเกมต่อเวลา ก่อนเชือด พิตต์สเบิร์ก สตีลเลอร์ส 27-24
สัปดาห์ต่อมา นำทีมชีฟส์รัวครึ่งหลัง 28 คะแนน แซงดับ ฮิวสตั้น ออยเล่อร์ส 28-20
น่าเสียดาย ปาฏิหาริย์จบลงในเกมชิงเอเอฟซี แพ้ บัฟฟาโล่ บิลล์ส ขาดลอย 13-30
อย่างน้อยชีฟส์ก็ชนะเพลย์ออฟปี 1993 มากกว่ารวมกันตลอด 24 ฤดูกาลซะอีก
มอนทาน่าเสียดายปีนั้นอย่างมาก
“เรามีองค์กรที่ยอดเยี่ยม มีทีมที่เก่งมาก เราน่าจะได้แชมป์ซูเปอร์โบวล์ ผมขอโทษที่ผมทำให้ไม่ได้ เพราะต้องไปแข่งในบัฟฟาโล่วันนั้น ผมไม่สามารถปาบอลได้ไกลสักเท่าไร เราดันพลาดโง่ๆ แพ้เกมท้ายฤดูกาล จนเสียโอกาสได้แข่งในบ้าน ทั้งที่ปีนั้น เคยชนะบัฟฟาโล่มาก่อน
“นี่ขนาดผมเล่นห่วย เราก็ยังเสมอตอนพักครึ่งอยู่เลย”
ซีซัน 1994 มอนทาน่าลงแข่งฤดูกาลสุดท้ายกับชีฟส์ ผลงาน 9-7 โดยที่เขาขว้าง 3,283 หลา 16 ทัชดาวน์ เสียแค่ 9 อินเทอร์เซ็ปต์ เรตติ้ง 83.6 ด้วยอายุ 38 ปี
มอนทาน่ายังพาทีมสยบคู่แค้นอย่างยัง และโฟร์ตี้นายเนอร์สเมื่อสัปดาห์สองอีกด้วย เล่ากันว่า สปอร์ตส บาร์ส ท้องถิ่น ซาน ฟรานซิสโก หลายแห่ง กลับเฮกันลั่นเมื่อเห็นมอนทาน่าช่วยให้ชีฟส์ทำสกอร์ใส่พวกเขา
สัปดาห์สี่ มอนทาน่ายังไว้ลาย ปราบ จอห์น เอลเวย์ กับ เดนเวอร์ บรองโก้ส์
ชีฟส์เข้ารอบในฐานะ ไวล์ด คาร์ด พ่าย ไมอามี่ ดอลฟินส์ ซึ่งมีควอร์เตอร์แบ็กคือ แดน มาริโน่ 17-27
นั่นเป็นเกมสุดท้ายในอาชีพ โดยมอนทาน่าอำลาวงการพร้อมความประทับใจ บรรยากาศกองเชียร์ที่แอร์โรว์เฮด สเตเดี้ยม ว่าเสียงเชียร์กระหึ่มไม่ว่าจะชนะหรือแพ้ แต่แฟนๆ ถือว่าน่าทึ่ง และยังคงตามสนับสนุนอยู่ตลอดเวลา
ขณะเดียวกัน ยังก็สามารถเข็นนายเนอร์สผ่านคาวบอยส์เข้าไปต้อนชาร์จเจอร์ส 49-26 ครองแชมป์ซูเปอร์โบวล์สมัยห้าของแฟรนไชส์เมื่อวันที่ 30 มกราคม 1995
ใครจะไปคิดว่านั่นคือแชมป์สมัยสุดท้ายของนายเนอร์สมาจนปัจจุบัน
อย่างน้อย ยัง ก็ได้รับการปฏิบัติที่ดีกว่า สามารถรีไทร์ในฐานะผู้เล่นนายเนอร์สเมื่อจบซีซัน 1999
ส่วน ชีฟส์ เมื่อพ้นยุคมอนทาน่าก็ต้องรอนาน 22 ปี กว่าจะสามารถกลับมาเอาชนะ เพลย์ออฟหนแรก
เรื่องราวของเสือสองตัวแห่ง ซาน ฟรานซิสโก และเกี่ยวโยงกับ แคนซัส ซิตี้ ก็เป็นแบบนี้แหละครับ