×

Twilight of the Warriors: Walled In เมืองเถื่อน แอ็กชันเดือดดาล และตัวละครที่เหมือนหลุดมาจากการ์ตูน

23.08.2024
  • LOADING...
Twilight of the Warriors

HIGHLIGHTS

  • Twilight of the Warriors: Walled In เปิดตัวครั้งแรกที่เทศกาลภาพยนตร์เมืองคานส์ในสาย Midnight Screenings เมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมา และเป็นภาพยนตร์ที่ทำเงินในประเทศได้มากถึง 564 ล้านดอลลาร์ฮ่องกง ซึ่งถือว่าเยอะมากเมื่อเทียบกับผลงานก่อนหน้าอย่าง A Guilty Conscience ของ Jack Ng
  • หากใครเคยดูภาพยนตร์ของผู้กำกับ Soi Cheang อย่าง Limbo (2021) หรือ Mad Fate (2023) มาก่อนก็จะพบว่า เขาเป็นคนทำภาพยนตร์ที่ชอบถ่ายทอดแง่มุมที่เสื่อมโทรมของฮ่องกงอยู่เป็นประจำ และหลายครั้งหลายคราก็มักจะเต็มไปด้วยความหดหู่ ทั้งจากความจนตรอกของตัวละครและสถานการณ์ภายในเรื่อง
  • Twilight of the Warriors: Walled In ก็ยังเป็นภาพยนตร์ที่แข็งแรงมากในการวางองค์ประกอบศิลป์และฉากแอ็กชัน ซึ่งเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้ Soi Cheang สามารถผสมลีลาการเล่าเรื่องแบบการ์ตูนลงไปในงานได้อย่างเนียนตา 

Twilight of the Warriors: Walled In เปิดตัวครั้งแรกที่เทศกาลภาพยนตร์เมืองคานส์ในสาย Midnight Screenings เมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมา และเป็นภาพยนตร์ที่ทำเงินในประเทศได้มากถึง 564 ล้านดอลลาร์ฮ่องกง ซึ่งถือว่าเยอะมากเมื่อเทียบกับผลงานก่อนหน้าอย่าง A Guilty Conscience ของ Jack Ng ที่ทำเงินไป 114.2 ล้านดอลลาร์ฮ่องกง (ซึ่งเรื่องหลังเคยฉายที่บ้านเราในเทศกาลภาพยนตร์ฮ่องกง ปี 2023) ฉะนั้นภาพยนตร์เรื่องนี้จึงเป็นอีกหนึ่งหมุดหมายสำคัญสำหรับคอภาพยนตร์ฮ่องกง โดยเฉพาะคนที่ชื่นชอบภาพยนตร์แอ็กชันอยู่แล้วเป็นทุนเดิม 

 

 

 

และหากใครเคยดูภาพยนตร์ของผู้กำกับ Soi Cheang อย่าง Limbo (2021) หรือ Mad Fate (2023) มาก่อนก็จะพบว่า เขาเป็นคนทำภาพยนตร์ที่ชอบถ่ายทอดแง่มุมที่เสื่อมโทรมของฮ่องกงอยู่เป็นประจำ และหลายครั้งหลายคราก็มักจะเต็มไปด้วยความหดหู่ ทั้งจากความจนตรอกของตัวละครและสถานการณ์ภายในเรื่อง ทว่า Twilight of the Warriors: Walled In ซึ่งฉายภาพของผู้คนที่อาศัยอยู่ในสลัม กลับไม่ได้มีท่าทีแบบนั้นเสียทีเดียว เพราะท่ามกลางความโสมมของชุมชนแนวตั้ง ความรักและมิตรภาพยังคงเป็นสิ่งที่รายล้อมอยู่รอบตัวของพวกเขาทุกคน 

 

เช่นเดียวกับภาพยนตร์แอ็กชันฮ่องกงหลายๆ เรื่อง Twilight of the Warriors: Walled In มีแกนกลางอยู่ที่การตีกันระหว่างแก๊งของ Cyclone (Louis Koo – กู่เทียนเล่อ) และ Mr.Big (Sammo Kam-Bo Hung – หงจินเป่า) แต่สิ่งที่ประกอบร่างสร้างเรื่องราวก็มีความน่าสนใจไม่แพ้กัน เพราะมันไม่ใช่ภาพยนตร์ที่มีดีแค่การตีรันฟันแทง หากแต่เป็นการถ่ายทอดความยากลำบากของผู้ลี้ภัยผ่านตัวละคร Chan Lok Kwan (Raymond Lam – หลินฟง) ซึ่งกำลังติดร่างแหอยู่กลางสงครามนั้น และขณะเดียวกันความมีเมตตาของผู้คนก็คอยเกื้อหนุนเขาจนเริ่มรู้สึกเหมือนอยู่บ้าน แม้ชีวิตในกำแพงจะเต็มไปด้วยความมืดมิด คับแคบ และยาเสพติด ก็ตามที

 

 

ในทำนองเดียวกัน สายตาที่ผู้กำกับใช้ก็นำเสนอภาพของฮ่องกงได้เป็นอย่างดี ทั้งในแง่ความรักและความไม่น่าอภิรมย์ ซึ่งถือว่าแปลกเมื่อพิจารณาจากผลงานที่ผ่านๆ มาของเขา (ที่ส่วนใหญ่เด่นชัดในด้านลบ) ที่สำคัญมันถูกถ่ายทอดออกมาอย่างจริงใจ จนหลอมรวมเป็นเนื้อเดียวกับบริบททางแอ็กชันได้อย่างแนบเนียน 

 

อีกทั้งภาพสลัมซอมซ่อที่อ้างอิงมาจากเมืองกำแพงเกาลูนช่วงปี 80 (ก่อนจะทุบทิ้งในปี 1994) ก็ถูกเซ็ตออกมาด้วยความพิถีพิถัน ทำให้ฉากหลังอันอึมครึมกลายเป็นอีกหนึ่งองค์ประกอบที่ช่วยขับกล่อมบรรยากาศที่ปกคลุมตลอดทั้งเรื่อง โดยส่วนนี้ก็ต้องยกเครดิตให้กับนักออกแบบคนโปรดของ Soi Cheang อย่าง Mak Kwok Keung ที่เนรมิตความแออัดออกมาจนดูจับต้องได้จริง พื้นที่เลยเป็นเหมือนพระเอกอีกคนไม่ต่างอะไรกับ Choreography (การออกแบบท่าทาง) ที่ถูกคิดค้นขึ้นมาเพื่อให้เข้ากับการเคลื่อนไหวที่รวดเร็วและรุนแรง

 

 

ข้อน่าสังเกตอีกอย่างหนึ่งคือ ตัวละครหลักไม่มีผู้หญิงเลยแม้แต่คนเดียว ส่วนหนึ่งก็เป็นเพราะเป้าประสงค์ของคนทำที่ตั้งใจจับจ้องไปยังความสัมพันธ์ของกลุ่มตัวเอกจริงๆ ซึ่งในที่นี้ประกอบไปด้วยตัวละครอีก 3 คน ได้แก่ Shin (Chun Him Lau), AV (German Cheung) และ Master 12 (Tony Tsz-Tung Wu) ที่เปรียบเสมือนเพื่อนและพี่น้องที่คอยช่วยเหลือ Chan Lok Kwan อยู่ตลอด จนกระทั่งความขัดแย้งของผู้คนในอดีตได้เชื่อมโยงกับปัจจุบัน กลายเป็นจุดที่ชี้วัดความสัมพันธ์ของพวกเขา แต่ภาพยนตร์ก็ขมวดรวบยอดอย่างรวดเร็วว่าทั้ง 3 คนเลือกแบบไหน ซึ่งแตกต่างจากเรื่องราวของพี่น้องร่วมสาบานรุ่นใหญ่อย่าง Cyclone, Chau (Richie Jen Hsien-Chi) และ Tiger (Kenny Wong Tak-Ban) ที่สองคนหลังยังคงมีปมเกี่ยวกับ Jim (Aaron Kwok) ผู้ที่พรากครอบครัวและลูกตาของพวกเขาไป

 

 

และตามขนบ การโกหก ทรยศ หักหลัง เป็นแนวทางพื้นฐานอยู่แล้วของภาพยนตร์ฮ่องกง ด้วยเหตุนี้ความกระอักกระอ่วนว่าจะต้องเลือกช่วยเหลือพี่น้องหรือคนที่ตัวเองรักเลยเป็นแกนหลักที่คอยขับเคลื่อนเรื่องราวในช่วงครึ่งหลัง เมื่อ Chau เดินทางมาแก้แค้นลูกชาย Jim ที่บังเอิญอาศัยอยู่ในสลัมของ Cyclone พร้อมกับขอความช่วยเหลือจาก Mr.Big  และสมุนมือขวาโรคจิตที่มีพลังพิเศษนามว่า Wong Gau (Philip Ng Wan-Lung) ซึ่งการต่อสู้ทั้งหมดของพวกเขาก็ไม่ได้ยึดติดกับหลักฟิสิกส์ใดๆ เลย 

 

ส่วนสาเหตุที่เอื้อให้มันดูเข้ากับโทนเรื่อง ก็เพราะคนทำได้หยิบเอาเนื้อหาในหนังสือการ์ตูนเรื่อง City of Darkness (2010) ของ Yu Yi ที่ว่าด้วยชายหนุ่มที่เข้าไปซ่อนตัวในเมืองกำแพงเกาลูนหลังจากต่อสู้กับอดีตเจ้านายตัวเอง มาดัดแปลงเป็นบทภาพยนตร์ ไม่มากไม่น้อย การออกท่าทางของตัวละครเลยเป็นเหมือนตัวการ์ตูนที่พร้อมจะประเคนหมัดและเท้าเพื่อสร้างความบันเทิงตลอดเวลา โดยที่ความสมจริงถูกมองข้ามไปอย่างสมบูรณ์

 

แต่ในเวลาเดียวกัน การเร่งรัดเข้าสู่ช่วงท้ายของเรื่องหลังจากที่ใช้เวลามากมายไปกับอดีตอันลึกลับของ Chan Lok Kwan และดราม่าความเป็นพี่น้อง ก็ทำให้ภาพยนตร์พลาดโอกาสที่จะเจาะลึกผู้คนที่อยู่รอบตัวพวกเขา แม้นัยหนึ่งจะบอกเล่าถึงเรื่องเหล่านั้นแล้วก็ตาม แต่ด้วยความเป็นภาพยนตร์แอ็กชัน การสำรวจแง่มุมอื่นๆ ใน Walled City จึงถูกละทิ้งไปอย่างน่าเสียดาย เพราะการให้น้ำหนักไปที่ตัวบุคคลมากกว่าสภาพแวดล้อมภายในเรื่อง 

 

อย่างไรก็ตาม Twilight of the Warriors: Walled In ก็ยังเป็นภาพยนตร์ที่แข็งแรงมากในการวางองค์ประกอบศิลป์และฉากแอ็กชัน ซึ่งเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้ Soi Cheang สามารถผสมลีลาการเล่าเรื่องแบบการ์ตูนลงไปในงานได้อย่างเนียนตา ที่สำคัญถึงแม้จะมีบางส่วนที่ถูกละเลยไป แต่นั่นก็อาจเพียงพอแล้วสำหรับการสร้างสรรค์ผลงานที่ซื่อตรงกับแนวทางของตัวเอง โดยเฉพาะเมื่อภาพยนตร์นำเสนอประวัติศาสตร์ในเมืองที่มีเอกลักษณ์อันแปลกประหลาดท่ามกลางดาวบู๊สุดฉงนสนเท่ห์ และศิลปะการต่อสู้ที่ชวนให้นึกถึงจิตวิญญาณของภาพยนตร์ยุคก่อน ราวกับเป็นจดหมายที่ต้องการจะขอบคุณต้นแบบเหล่านั้นจริงๆ

 

Twilight of the Warriors: Walled In เข้าฉายแล้ววันนี้ในโรงภาพยนตร์ในเครือ SF Cinema

 

รับชมตัวอย่าง Twilight of the Warriors: Walled In ได้ที่

 

  • LOADING...

READ MORE





Latest Stories

X
Close Advertising