×

TU – พรีวิว 3Q67 คาดกำไรเติบโตปานกลาง

07.10.2024
  • LOADING...
TU

เกิดอะไรขึ้น:

 

InnovestX Research คาดการณ์กำไรสุทธิ 3Q67 ที่ 1.29 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 7%YoY และ 6%QoQ หากตัดขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนจำนวน 240 ล้านบาทออกไป กำไรปกติ 3Q67 จะอยู่ที่ 1.53 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 2%YoY และ 6%QoQ กำไรปกติที่เพิ่มขึ้นเล็กน้อย YoY เกิดจากยอดขายและอัตรากำไรขั้นต้นที่ดีขึ้น และส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนที่สูงขึ้น ซึ่งจะมากเกินพอชดเชยอัตราส่วนค่าใช้จ่าย SG&A/ยอดขาย, ดอกเบี้ยจ่าย และค่าใช้จ่ายภาษีที่สูงขึ้น ในขณะที่กำไรปกติที่เพิ่มขึ้น QoQ เกิดจากปัจจัยฤดูกาล โดยจะประกาศผลประกอบการในวันที่ 6 พฤศจิกายน

 

รายการที่สำคัญใน 3Q67 ยอดขายคาดว่าจะเติบโต 4%YoY เนื่องจากยอดขายที่ดีขึ้นจากธุรกิจอาหารทะเลแปรรูปและธุรกิจอาหารสัตว์เลี้ยงจะช่วยชดเชยยอดขายที่ลดลงจากธุรกิจอาหารทะเลแช่แข็ง (หลักๆ เกิดจากอุปสงค์ที่อ่อนแอในธุรกิจบริการอาหาร และการลดขนาดของธุรกิจ TU ในธุรกิจที่มีกำไรต่ำในสหรัฐอเมริกา)

 

อัตรากำไรขั้นต้นจะกว้างขึ้นสู่ 19% (เพิ่มขึ้น 60bps YoY, เพิ่มขึ้น 50bps QoQ) จากอัตรากำไรขั้นต้นที่ดีขึ้นในธุรกิจอาหารสัตว์เลี้ยง (เพิ่มขึ้น YoY) จากยอดขายและสัดส่วนผลิตภัณฑ์ที่ดีขึ้น และธุรกิจอาหารทะเลแช่แข็ง (เพิ่มขึ้น QoQ) จากสัดส่วนยอดขายผลิตภัณฑ์มาร์จิ้นสูงที่เพิ่มขึ้น และธุรกิจอาหารทะเลแปรรูป (ทรงตัว QoQ) เนื่องจากราคาปลาทูน่าที่ลดลงช่วยชดเชยต้นทุน

 

อัตราส่วนค่าใช้จ่าย SG&A/ยอดขาย คาดว่าจะเพิ่มขึ้นสู่ 13.3% (เพิ่มขึ้น 140bps YoY และ 30bps QoQ) จากค่าใช้จ่ายการตลาดและโลจิสติกส์ และค่าที่ปรึกษาที่เกี่ยวข้องกับการปรับโครงสร้างธุรกิจที่สูงขึ้น ส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นสู่ 366 ล้านบาท จากส่วนแบ่งกำไรที่ดีขึ้นจาก Avanti และไม่มีการรับรู้ผลขาดทุนจาก Red Lobster หลังจากบริษัทปรับมูลค่ายุติธรรมของเงินลงทุนใน Red Lobster เป็นศูนย์ ณ สิ้น 4Q66 (ศูนย์ใน 3Q67 เทียบกับส่วนแบ่งขาดทุน 496 ล้านบาท และผลขาดทุนสุทธิ 135 ล้านบาทจาก Red Lobster ใน 3Q66)

 

สถานการณ์ใน 4Q67TD ราคาปลาทูน่า ราคา Spot ปลาทูน่าท้องแถบลดลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบ 3 ปีที่ 1,250 ดอลลาร์สหรัฐต่อตันในเดือนสิงหาคม ลดลง 21%MoM จาก 1,580 ดอลลาร์สหรัฐต่อตันในเดือนกรกฎาคม เนื่องจากการจับปลาได้ดีผิดปกติทำให้ราคาต่ำกว่าจุดคุ้มทุนของชาวประมง

 

จากนั้นราคาจึงกลับมาปรับตัวเพิ่มขึ้น 12%MoM สู่ 1,400 ดอลลาร์สหรัฐต่อตันในเดือนกันยายน จากการจับปลาได้ลดลง TU ได้ปรับลดมุมมองเกี่ยวกับราคา Spot ปลาทูน่าท้องแถบในปี 2567 ลงสู่ 1,400-1,500 ดอลลาร์สหรัฐต่อตัน จาก 1,600 ดอลลาร์สหรัฐต่อตัน ที่ประเมินไว้ในช่วงต้นปี 2567 (เทียบกับ 1,407 ดอลลาร์สหรัฐต่อตันใน 9M67 และ 1,784 ดอลลาร์สหรัฐต่อตันในปี 2566)

 

ทั้งนี้ท่ามกลางสถานการณ์ราคาปลาทูน่าระดับต่ำ TU คาดว่าจะเปิดโอกาสให้บริษัทนำเงินไปใช้จ่ายด้านการตลาดได้มากขึ้นเพื่อกระตุ้นยอดขายในธุรกิจแบรนด์ ในขณะเดียวกันบริษัทประเมินว่าจะไม่มีผลกระทบต่อออร์เดอร์กลุ่ม OEM เนื่องจากราคาปลาทูน่าผันผวนเพียงช่วงเวลาสั้นๆ ทั้งนี้เมื่ออิงกับราคาปลาทูน่าล่าสุด TU มีมุมมองเชิงบวกต่อยอดขาย 4Q67 ในแง่ของราคาและปริมาณการขาย YoY

 

การหยุดงานประท้วงที่ท่าเรือสหรัฐฯ คนงานที่ท่าเรือบริเวณชายฝั่งตะวันออกของสหรัฐฯ ได้เริ่มหยุดงานประท้วงเมื่อวันที่ 1 ตุลาคม จากประเด็นการปรับขึ้นค่าจ้างและความมั่นคงในงานจากการนำระบบ Automation มาใช้มากขึ้น

 

เมื่อวันที่ 3 ตุลาคม คนงานและผู้ประกอบการท่าเรือได้บรรลุข้อตกลงเบื้องต้นที่ยุติการนัดหยุดงาน 3 วันในทันที และพวกเขาจะขยายสัญญาหลักจนถึงวันที่ 15 มกราคม 2568 ในระหว่างกลับไปเจรจาในทุกประเด็น ยอดขายของ TU ผ่านทางท่าเรือบริเวณชายฝั่งตะวันออกของสหรัฐฯ คิดเป็น 35% ของยอดขายในสหรัฐฯ (หรือ 15% ของยอดขายรวม)

 

นับถึงปัจจุบัน TU ยังไม่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์นี้ ทั้งนี้ในอนาคตหากการประท้วงกลับมาหรือยืดเยื้อ อาจส่งผลกระทบต่อการรับรู้ยอดขายของ TU จากความล่าช้าในการใช้ระยะเวลาขนส่งที่นานขึ้นจากการปรับเปลี่ยนเส้นทางการขนส่งจากท่าเรือบริเวณชายฝั่งตะวันออกของสหรัฐฯ ไปใช้ท่าเรือบริเวณชายฝั่งตะวันตกแทน ขณะที่ผลกระทบจากอัตราค่าระวางขนส่งที่สูงขึ้นมีจำกัด (70% ของยอดขาย TU อยู่ในเงื่อนไข FOB)

 

กระทบอย่างไร:

 

ในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา ราคาหุ้น TU ปรับลง 3.90% อยู่ที่ 15.00 บาท ขณะที่ SET Index ปรับขึ้น 6.58% อยู่ที่ 1,442.73 จุด

 

แนวโน้มผลประกอบการระยะสั้น:

 

InnovestX Research คาดว่ากำไรปกติ 4Q67 จะอยู่ในระดับทรงตัว QoQ จากปัจจัยฤดูกาล แต่จะเพิ่มขึ้น YoY จากยอดขายและมาร์จิ้นของธุรกิจอาหารทะเลแปรรูปและธุรกิจอาหารสัตว์เลี้ยงที่ดีขึ้น และส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนที่สูงขึ้นเพราะไม่มีผลขาดทุนจาก Red Lobster (เทียบกับส่วนแบ่งขาดทุน 552 ล้านบาท และผลขาดทุนสุทธิ 249 ล้านบาท ใน 4Q66)

 

กลยุทธ์การลงทุนยังคงคำแนะนำ Outperform สำหรับ TU โดยให้ราคาเป้าหมายกลางปี 2568 ที่ 18 บาทต่อหุ้น อ้างอิง P/E 16 เท่า (P/E เฉลี่ย 10 ปี)

 

ปัจจัยเสี่ยงสำคัญที่ต้องติดตามคือแรงกดดันเงินเฟ้อ และการแข็งค่าของเงินบาท ความเสี่ยงด้าน ESG ที่สำคัญคือ การปล่อยก๊าซเรือนกระจก, การบริหารจัดการของเสียและน้ำ (E), สวัสดิภาพของลูกค้า, การบริหารจัดการคุณภาพผลิตภัณฑ์ และนโยบายเกี่ยวกับสุขภาพและความปลอดภัย (S)

  • LOADING...

READ MORE





Latest Stories

Close Advertising
X