ภาพจำของ ‘มนุษย์เงินเดือน’ ในฐานะกลุ่มอาชีพที่มั่นคง มีรายได้แน่นอนทุกสิ้นเดือน อาจเป็นเพียงภาพลวงตาที่ซ่อนความเปราะบางทางการเงินไว้ ในยุคที่ทุกอย่างผันผวน ทั้งเศรษฐกิจ การเมือง และภัยคุกคามจากการเลิกจ้างก่อนวัยเกษียณ หรือการที่ AI จะเข้ามาทำงานแทน ความมั่นคงที่เคยเชื่อกลับสั่นคลอน
ความท้าทายนี้ไม่ใช่แค่ความรู้สึก แต่คือภาพสะท้อนจากข้อมูลจริง ทีเอ็มบีธนชาต หรือ ทีทีบี ได้เปิดเผยข้อมูลเชิงลึกครั้งสำคัญ จากการทำโปรแกรมตรวจสุขภาพทางการเงินออนไลน์ (ttb financial health check) ให้กับกลุ่มมนุษย์เงินเดือนในไทยกว่า 96,000 คน ควบคู่ไปกับการวิเคราะห์ข้อมูลจาก บริษัท ข้อมูลเครดิตแห่งชาติ จำกัด (NCB)
ข้อมูลที่ได้ฉายภาพให้เห็นว่า มนุษย์เงินเดือนกำลังเป็น ‘เดอะแบกตัวจริง’ ของการเงินยุคนี้อย่างแท้จริง
นริศ สถาผลเดชา ประธานกลุ่มงาน Data และ Analytics ทีเอ็มบีธนชาต ได้ให้มุมมองว่า แม้ตัวเลขหนี้ครัวเรือนไทยที่ 87% ของ GDP จะดูเป็นปัญหา แต่ปัญหาที่น่ากังวลกว่านั้นซ่อนอยู่ในรายละเอียด เมื่อเทียบย้อนหลัง 10 ปี รายได้เฉลี่ยของคนไทยโตขึ้นเพียง 14%

ในขณะที่รายได้โตอย่างเชื่องช้า แต่หนี้สินเชื่อส่วนบุคคล ซึ่งมีอัตราดอกเบี้ยสูง 18-24% กลับเติบโตสวนทางไปถึง 200% ในช่วงเวลาเดียวกัน นี่คือความไม่สมดุลที่ชี้ว่าภาระหนี้กำลังเติบโตเร็วกว่าความสามารถในการหารายได้หลายเท่าตัว
ภาพรวมหนี้คนไทย ‘สินเชื่อส่วนบุคคล’ ที่อยู่กับเราไปตลอดชีวิต
ข้อมูลจาก NCB ยืนยันว่าคนไทยเกือบ 40% หรือราว 25 ล้านคน อยู่ในระบบหนี้ โดยมีหนี้สินเฉลี่ยต่อคนสูงถึง 540,000 บาท และปัญหานี้กำลังหนักขึ้นเรื่อยๆ เมื่อเทียบกับช่วงก่อนโควิดในปี 2561 สัดส่วนคนที่เป็นหนี้เพิ่มขึ้นในทุกช่วงวัยทำงาน
กลุ่มวัยสร้างครอบครัว (อายุ 35-60 ปี) คือกลุ่มที่ ‘แบก’ หนี้หนักที่สุด โดยมียอดหนี้เฉลี่ยต่อหัวสูงเกือบ 700,000 บาท น่ากังวลว่า แม้แต่วัยเกษียณ (60 ปีขึ้นไป) ก็ยังมีสัดส่วนการประชากรที่มีหนี้ถึง 38% ทั้งที่ไม่มีรายได้ประจำแล้ว

นริศ ชี้ให้เห็นประเด็นที่น่าตกใจที่สุดในข้อมูล นั่นคือ ‘สินเชื่อส่วนบุคคล’ ซึ่งเป็นสินเชื่อดอกเบี้ยแพง ได้กลายเป็นหนี้ที่อยู่คู่กับคนไทยแทบ ‘ตลอดชีวิต’
ข้อมูลแสดงให้เห็นว่าหนี้ส่วนบุคคลเริ่มก่อตัวตั้งแต่อายุยังน้อย (ราว 45% ของลูกหนี้วัย 20 ปี) และหนี้ประเภทนี้ไม่ได้หายไปไหน แต่ยังคงอยู่กับคนไทยไปจนถึงอายุ 80 ปี
สิ่งที่เลวร้ายกว่านั้นคือการ ‘ก่อหนี้ทับถม’ 43% ของลูกหนี้ เริ่มต้นด้วยสินเชื่อส่วนบุคคลเป็นผลิตภัณฑ์แรก และเมื่อมีหนี้ก้อนที่สอง ก้อนที่สาม สี่ หรือห้า ก็ยังคงเป็นสินเชื่อส่วนบุคคลอีก
นี่คือวงจรที่คนหนึ่งคนอาจมีสินเชื่อส่วนบุคคลถึง 5 สัญญา สร้างภาระดอกเบี้ยทบต้นจนแทบเป็นไปไม่ได้ที่จะจ่ายคืนเงินต้นได้หมด
เจาะลึก ‘มนุษย์เงินเดือน’ ภูมิคุ้มกันที่บางกว่าที่คิด
เมื่อเจาะเข้ามาที่ข้อมูลสุขภาพทางการเงินของมนุษย์เงินเดือน 96,000 คน ภาพก็ยิ่งชัดเจนขึ้น คนกลุ่มนี้คือเสาหลักของเศรษฐกิจอย่างแท้จริง แม้จะเป็นเพียง 30% ของตลาดแรงงาน แต่พวกเขากลับแบกรับภาระภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาถึง 90% ของประเทศ หรือกว่า 2.7 แสนล้านบาท

พวกเขายังเป็น ‘Sandwich Generation’ ที่ต้องดูแลทั้งพ่อแม่สูงวัยและลูกที่กำลังเติบโต ท่ามกลางแรงกดดันทางสังคมและค่าครองชีพที่สูงขึ้น
ผลการสำรวจจาก ttb financial health check ได้ทลายความเชื่อเดิมๆ เกี่ยวกับมนุษย์เงินเดือนลงอย่างสิ้นเชิง
82% ของมนุษย์เงินเดือนมีหนี้ โดย 53% เป็นหนี้ส่วนบุคคลและบัตรเครดิต พฤติกรรมทางการเงินก็น่ากังวล 49% มีหนี้สะสมจากการจ่ายขั้นต่ำหรือผิดนัดชำระ

ที่น่าตกใจที่สุดคือ 65% ของคนที่ ‘ยังจ่ายไหว’ กลับเลือกที่จะจ่ายเพียง ‘ขั้นต่ำ’ นริศ อธิบายว่านี่คือภาวะ ‘หนี้เรื้อรัง’ (Persistent Debt) ที่ทำให้คนติดอยู่ในวงจรหนี้ จ่ายเท่าไหร่ก็ตัดแต่ดอกเบี้ย เงินต้นไม่ลดลงเลย
ความเชื่อที่ว่ามนุษย์เงินเดือนบริหารเงินเป็น ก็อาจไม่จริง 51% ใช้ชีวิตแบบ ‘เดือนชนเดือน’ และ 29% ใช้เงินเกินรายได้
ความเชื่อที่ว่าพวกเขาเก็บออมเก่ง ก็ถูกทลาย 77% (เกือบ 4 ใน 5) มีเงินออมน้อยกว่า 10% ของรายได้และความเชื่อที่ว่า ‘รายได้สูง’ จะรอด ก็เป็นความเข้าใจที่ผิด ข้อมูลชี้ว่า 32% หรือ 1 ใน 3 ของคนที่มีรายได้เกิน 100,000 บาทต่อเดือน ยังคงใช้ชีวิตแบบ ‘เดือนชนเดือน’ และ 16% ของกลุ่มรายได้สูงนี้ ใช้จ่ายมากกว่ารายได้ที่หามาได้

นี่สะท้อนว่าปัญหาความไม่มั่นคงทางการเงินเกิดขึ้นกับทุกระดับรายได้
ภูมิคุ้มกันที่แท้จริงอย่าง ‘เงินสำรองฉุกเฉิน’ ก็อยู่ในภาวะวิกฤต 70% ของมนุษย์เงินเดือนทั้งหมด (และ 80% ของกลุ่มที่มีหนี้) ไม่มีเงินสำรองฉุกเฉินเพียงพอ 6 เดือน
ผลลัพธ์คือ ชีวิตของพวกเขาแขวนอยู่บนเส้นด้าย แค่ ‘สะดุดนิดเดียว’ เช่น ปัญหาสุขภาพ หรือตกงาน ก็อาจล้มลงทั้งระบบได้ 80% ยอมรับว่าไม่มีความคุ้มครองเพียงพอหากป่วยเป็นโรคร้ายที่ต้องใช้เงิน 2 ล้านบาท และ 54% ยืนยันว่าหากเกิดเหตุไม่คาดฝัน ครอบครัวจะเดือดร้อนทางการเงินทันที
เมื่อปัจจุบันยังเอาตัวไม่รอด การวางแผนเพื่ออนาคตและการเกษียณจึงกลายเป็นเรื่องไกลตัว
ภารกิจ ‘ช่วยแบ่งเบา’ จากความเข้าใจของคนหัวอกเดียวกัน
ทีทีบีตระหนักถึงความน่ากังวลของข้อมูลนี้อย่างลึกซึ้ง ณัฐวรรณ อภิรัตนพิมลชัย ประธานกลุ่มกลยุทธ์ลูกค้าบุคคล ทีเอ็มบีธนชาต กล่าวว่า ธนาคารเข้าใจภาระที่หนักหน่วงนี้ดี เพราะ “เราต่างก็เป็นมนุษย์เงินเดือนเหมือนกัน”

“เราเข้าใจว่าคุณคือเดอะแบก” ณัฐวรรณกล่าว “เราแบกคนข้างหลัง แบกภาระครอบครัว แบกภาระหนี้สิน แบกภาระภาษี เพราะคุณคือเดอะแบก ให้ทีทีบีช่วย ‘แบ่ง’ เพื่อให้ชีวิตคุณ ‘เบา’ ขึ้น”
ทีทีบีจึงมุ่งมั่นพัฒนาโซลูชันเพื่อช่วยแบ่งเบาภาระทั้ง 4 มิติ โดยณัฐวรรณย้ำว่า สำหรับมนุษย์เงินเดือนที่หนี้ท่วมแล้ว ลำดับแรกที่ต้องเริ่มไม่ใช่การออม แต่คือ ‘การรอบรู้เรื่องกู้ยืม’ หรือการจัดการหนี้ก่อน
ณัฐวรรณ ให้ข้อมูลเชิงลึกว่า ปัญหาหนึ่งคือ ‘ความไม่รู้’ (Financial Literacy) หลายคนไม่ทราบว่าสามารถใช้บ้านหรือรถที่ยังผ่อนไม่หมด มา ‘รวบหนี้’ ดอกเบี้ยแพงได้

ที่น่ากังวลกว่าคือ บางคนรู้ แต่ ‘ไม่กล้า’ เพราะกลัวว่าการเอารถหรือบ้านมาแลกเงินจะทำให้โฉนดหรือเล่มทะเบียน ‘มีตำหนิ’ พวกเขายอมจ่ายดอกเบี้ยสินเชื่อส่วนบุคคล 20% ดีกว่าใช้สินทรัพย์ค้ำประกันที่ดอกเบี้ยเพียง 5-10%
ทีทีบีจึงออกแบบโซลูชัน ‘แบ่งเบาภาระหนี้’ ที่เข้าใจพฤติกรรมนี้
หนึ่งคือ โปรแกรมผ่อนดี มีรางวัล ที่ให้คนผ่อนดีย้ายมารีไฟแนนซ์มาทีทีบี ได้รับสิทธิพิเศษในการรีไฟแนนซ์บ้าน ณัฐวรรณเทียบให้เห็นว่า คนที่ขยันรีไฟแนนซ์ทุก 3 ปี จะประหยัดดอกเบี้ยได้เกือบ 5 แสนบาท และปิดหนี้เร็วขึ้น 42 เดือน แต่คนส่วนใหญ่ ‘เหนื่อย ขี้เกียจ หรือลืม’

ทีทีบีจึงมีโซลูชัน ‘ผ่อนแบบชาญฉลาด’ หรือการรีไฟแนนซ์ครั้งสุดท้าย ที่ให้ดอกเบี้ยเรทเดียวตลอดสัญญา โดยมีเงื่อนไขแค่ ‘ผ่อนตรงเวลา’ ภาระดอกเบี้ยในปีที่ 4 จะไม่กระโดดซึ่งช่วยลดความยุ่งยาก ลดค่าใช้จ่ายและดอกเบี้ยโดยรวม หรือรวบหนี้ด้วยบ้าน-รถ หรือสินเชื่อส่วนบุคคล ช่วยประหยัดดอกเบี้ยให้ถูกลง ค่างวดลดลง มีเงินเหลือใช้เพิ่มขึ้น
สองคือ ‘สินเชื่อสวัสดิการอเนกประสงค์ทีทีบี’ สำหรับพนักงานในองค์กรที่ลงนามข้อตกลง (MOU) กว่า 1,540 แห่ง โซลูชันนี้ช่วยให้พนักงาน 26,577 คน ได้รับสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำพิเศษ เริ่มต้น 7.99% ต่อปี เพื่อนำไปปิดหนี้ดอกเบี้ยที่อื่น

สร้างภูมิคุ้มกันรอบด้าน สู่ชีวิตการเงินที่ดีขึ้น
นอกจากการแก้หนี้ ทีทีบียังช่วย ‘แบ่งเบาภาระค่าใช้จ่าย’ และฝึกวินัยในการเก็บออม ด้วยบัญชี ttb all free ที่ฟรีค่าธรรมเนียม และบัญชี ttb ME save ที่ให้ดอกเบี้ยสูง โดยเฉพาะพนักงานบัญชีเงินเดือนทีทีบี ที่ได้ดอกเบี้ยรับดอกเบี้ยสูงกว่าลูกค้าทั่วไป 0.2% ต่อปี ช่วยให้ออมได้มากขึ้นและเป็นเงินสำรองฉุกเฉิน สามารถถอนได้เมื่อมีเหตุจำเป็น
ด้านการ ‘แบ่งเบาความกังวล’ ทีทีบีมอบภูมิคุ้มกันพื้นฐานฟรี เพียงคงเงินในบัญชี ttb all free ไว้ 5,000 บาท ทุกวันตลอดทั้งเดือน จะได้รับความคุ้มครองอุบัติเหตุ เบิกค่ารักษาได้ 3,000 บาทต่อครั้ง ไม่จำกัดจำนวน และความคุ้มครองชีวิต 20 เท่าของเงินฝาก สูงสุด 3 ล้านบาท
ด้านการ ‘แบ่งเบาภาระภาษีและความเสี่ยง’ ณัฐวรรณ แนะนำให้มองว่าภาษีคือ ‘เครื่องมือในการบังคับออม’ ทีทีบีจึงคัดสรรกองทุน RMF, ThaiESG และประกัน ที่ตอบโจทย์การลดหย่อนภาษี
สุดท้าย ทีทีบีเชื่อว่าการสร้างภูมิคุ้มกันระยะยาวต้องเริ่มที่ ‘รากฐาน’ คือความรู้ทางการเงิน ธนาคารจึงเดินหน้าสร้างความรู้ผ่าน fintips เคล็ดลับการเงินบนเว็บไซต์ การเดินสายทำ Financial Health Check ให้กับองค์กรพันธมิตร คอร์สการเงินออนไลน์ บริการ ‘โค้ชปลดหนี้’ (Debt Coach) และสัมมนาความรู้ทางการเงินโดยผู้เชี่ยวชาญ

“ทีทีบีเชื่อว่าความมั่นคงทางการเงินไม่ใช่เรื่องของรายได้เพียงอย่างเดียว แต่คือการมีเครื่องมือและภูมิคุ้มกันทางการเงินที่รอบด้าน” ณัฐวรรณ กล่าวปิดท้าย
สามารถค้นหาโซลูชันและบริการทางการเงินจาก ทีทีบี ได้ที่เว็บไซต์ https://www.ttbbank.com/link/finlit-05
ที่มา: ข้อมูลจาก ttb financial health check ของมนุษย์เงินเดือนในประเทศไทยกว่า 96,000 ราย ระหว่างเดือนส.ค. 66 – ก.พ. 68
• กู้เท่าที่จำเป็นและชำระคืนไหว • เงื่อนไขการสมัครและอนุมัติสินเชื่อตามหลักเกณฑ์ที่ธนาคารกําหนด • บัญชีเงินฝาก ttb all free รับความคุ้มครองประกันอุบัติเหตุและคุ้มครองชีวิต เพียงมียอดเงินคงเหลือในบัญชีไม่ต่ำกว่า 5,000 บาท ทุกวันตลอดทั้งเดือน (ให้ความคุ้มครองโดย บมจ. ธนชาตประกันภัย)• ผู้ซื้อควรทำความเข้าใจในรายละเอียดความคุ้มครอง เงื่อนไขและข้อยกเว้นก่อนตัดสินใจทำประกันภัยทุกครั้ง / รับประกันชีวิตโดย บริษัท พรูเด็นเชียล ประกันชีวิต (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ธนาคารทหารไทยธนชาต จำกัด (มหาชน) เป็นเพียงนายหน้าประกันชีวิตและรับผิดชอบในฐานะนายหน้าเท่านั้น


