นับเป็นสัญลักษณ์แห่งชัยชนะทางการเมืองครั้งสำคัญของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ หลังศาลสูงสุดของสหรัฐฯ มีคำตัดสินชี้ขาดว่าทรัมป์มีอำนาจเต็มที่ภายใต้กฎหมายตรวจคนเข้าเมืองในการออกคำสั่งห้ามผู้อพยพจากประเทศมุสลิมไม่ให้เดินทางเข้าสหรัฐฯ หากเขาเห็นว่าเป็นภัยคุกคามความมั่นคงของชาติ
จอห์น โรเบิร์ตส์ ประธานศาลสูงสุดของสหรัฐฯ ระบุในคำวินิจฉัยว่า คณะตุลาการมีมติเสียงข้างมาก 5 ต่อ 4 ตัดสินว่า คำสั่งแบนชาติมุสลิมของทรัมป์อยู่ในขอบข่ายอำนาจที่กระทำได้ของประธานาธิบดี เนื่องจากถ้อยแถลงของทรัมป์เกี่ยวกับภัยคุกคามที่ชาวมุสลิมมีต่อสหรัฐฯ นั้น ไม่ได้ขัดต่ออำนาจของประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในการปกป้องชายแดน ซึ่งมอบให้โดยสภาคองเกรสผ่านทางกระบวนการนิติบัญญัติตลอดช่วงหลายสิบปีที่ผ่านมา
นอกจากนี้ประธานศาลสูงสุดยังปฏิเสธไม่รับพิจารณาคำร้องที่ว่าคำสั่งห้ามชาวมุสลิมจาก 7 ประเทศเดินทางเข้าสหรัฐฯ เมื่อเดือนกันยายนปีที่แล้วขัดต่อรัฐธรรมนูญหรือไม่
ชัยชนะของทรัมป์มีขึ้นในช่วงเวลาที่เขากำลังถูกวิจารณ์อย่างหนักจากนโยบายตรวจคนเข้าเมืองที่เข้มงวดตามแนวชายแดนติดกับประเทศเม็กซิโก รวมถึงความเหมาะสมในการปฏิบัติต่อผู้ลักลอบหนีเข้าเมือง โดยเฉพาะการจับเด็กขังแยกกับพ่อแม่ในระหว่างที่กระบวนการพิจารณาคดียังไม่ถึงที่สุด
ด้านผู้พิพากษาฝ่ายเสรีนิยมได้ออกมาแสดงความไม่เห็นด้วยกับคำตัดสินของศาลสูงสุดครั้งนี้ โดยผู้พิพากษา โซเนีย โซโตเมเยอร์ ระบุว่า คำตัดสินครั้งนี้ไม่ได้ดีไปกว่าคำตัดสินเมื่อปี 1944 ที่สั่งให้กักขังชาวอเมริกันเชื้อสายญี่ปุ่นในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2
อ้างอิง:
