ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ ลงนามในประกาศมาตรา 232 ขึ้นภาษีนำเข้าเหล็กและอะลูมิเนียมจากต่างประเทศ 25% และ 10% ตามลำดับ ท่ามกลางกระแสคัดค้านจากประชาคมนานาชาติ เนื่องจากเกรงว่าจะเป็นชนวนให้เกิดสงครามการค้าทั่วโลก ล่าสุดประเทศคู่ค้ารายใหญ่ของสหรัฐฯ ได้ประกาศเตรียมตอบโต้ด้วยมาตรการต่างๆ
การลงนามในประกาศขึ้นภาษีเหล็กและอะลูมิเนียมนำเข้าของทรัมป์ ถือเป็นสัญญาณหันหลังให้กับจุดยืนของสหรัฐฯ ที่ยึดถือมานานหลายสิบปี กับการส่งเสริมให้นานาชาติสร้างสภาพแวดล้อมทางการค้าที่เปิดกว้างและผ่อนคลายกฎระเบียบที่เข้มงวด
ทรัมป์ระบุว่า อเมริกาถูกบ่อนทำลายจากข้อปฏิบัติด้านการค้าที่ไม่เป็นธรรมจากต่างชาติ และตนจะไม่รีรอผลักดันมาตรการต่างๆ เพื่อแก้ปัญหาขาดดุลการค้า สำหรับมาตรการภาษีใหม่นี้จะเริ่มมีผลบังคับใช้หลังจากที่ทรัมป์ลงนาม 15 วัน
“หลายประเทศปฏิบัติกับเราด้วยนโยบายการค้าที่เลวร้ายที่สุด แต่ในด้านการทหาร เราเรียกประเทศเหล่านี้ว่าชาติพันธมิตร” ทรัมป์กล่าวเหน็บแนม
อย่างไรก็ตาม ในเบื้องต้นประกาศขึ้นภาษีฉบับนี้จะยังไม่บังคับใช้กับประเทศแคนาดาและเม็กซิโก ซึ่งเป็นประเทศเพื่อนบ้านที่มีพรมแดนติดกับสหรัฐฯ และเป็นผู้ส่งออกเหล็กและอะลูมิเนียมรายใหญ่ของสหรัฐฯ โดยสองประเทศนี้อาจได้รับการยกเว้นถาวร หากสหรัฐฯ แคนาดา และเม็กซิโก ประสบความสำเร็จในการเจรจาข้อตกลงเขตการค้าเสรีอเมริกาเหนือ (NAFTA) รอบใหม่
ทั้งนี้แคนาดาถือเป็นแหล่งซัพพลายเออร์เหล็กรายใหญ่ที่สุดของสหรัฐฯ ในปี 2017 รองลงมาคือบราซิล เกาหลีใต้ รัสเซีย เม็กซิโก ญี่ปุ่น และเยอรมนี นอกจากนี้แคนาดายังเป็นผู้ส่งออกอะลูมิเนียมรายใหญ่สุดของสหรัฐฯ ตามมาด้วยจีน รัสเซีย และสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์
อะลุ้มอล่วยให้ ‘มิตรแท้’
นอกจากแคนาดาและเม็กซิโกแล้ว ทรัมป์แย้มว่าเขาอาจจะอะลุ้มอล่วยให้กับประเทศที่เป็น ‘มิตรแท้’ ของสหรัฐฯ โดยหนึ่งในนั้นคือออสเตรเลีย ซึ่งเป็นประเทศหุ้นส่วนระยะยาวของสหรัฐฯ แต่ยังไม่ชัดเจนว่า ‘มิตรแท้’ ของทรัมป์หมายรวมถึงไทยด้วยหรือไม่
แต่กระนั้น มิตรแท้ในที่นี้อาจไม่รวมเยอรมนีและญี่ปุ่น ประเทศซึ่งทรัมป์วิจารณ์มาตลอดว่าทำให้สหรัฐฯ ขาดดุลการค้าจำนวนมหาศาลในแต่ละปี
ปฏิกิริยาตอบโต้จากประเทศที่ได้รับผลกระทบ
เซซิเลีย มาล์มสตอร์ม กรรมาธิการด้านการค้าของสหภาพยุโรป (EU) ย้ำว่า ชาติสมาชิก EU ทั้งกลุ่มควรได้รับการยกเว้นจากกำแพงภาษีในฐานะพันธมิตรใกล้ชิดของสหรัฐฯ แต่ EU จะสอบถามความชัดเจนจากรัฐบาลทรัมป์อีกครั้งในเรื่องนี้
ขณะที่อังกฤษระบุว่าจะร่วมหารือกับประเทศใน EU เพื่อพิจารณาขอบข่ายการยกเว้นภาษี แต่ย้ำว่าการขึ้นภาษีไม่ใช่ทางออกที่ถูกต้องในการแก้ปัญหาอุปทานเหล็กล้นตลาด
ด้านบราซิล ซึ่งเป็นผู้ผลิตเหล็กรายใหญ่ของโลก ออกมาประกาศว่าจะใช้มาตรการตอบโต้ที่จำเป็นทั้งหมดเพื่อปกป้องสิทธิและผลประโยชน์แห่งชาติ เช่นเดียวกับจีนที่เตือนว่าจะใช้มาตรการตอบโต้ด้วย ถึงแม้ว่าทรัมป์จะมีท่าทีที่ผ่อนปรนลง โดยเปิดทางให้มีการเจรจาระดับทวิภาคีระหว่างจีนและสหรัฐฯ เพื่อแก้ปัญหาขาดดุลการค้าสะสม
ขณะที่ญี่ปุ่น ซึ่งเป็นประเทศผู้ส่งออกรายใหญ่อันดับ 6 ของสหรัฐฯ ได้แสดงความเสียใจและผิดหวังกับมาตรการภาษีของทรัมป์ โดยทาโร โคโนะ รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศของญี่ปุ่นระบุว่า มาตรการดังกล่าวจะส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ และญี่ปุ่นอย่างร้ายแรง อีกทั้งกระทบต่อระบบเศรษฐกิจทั่วโลกด้วย
อ้างอิง:
- AFP